เยี่ยนจ้าวเกอมองดูซือคงจิง พลางยิ้มน้อยๆ
ความคิดของซือคงจิง เยี่ยนจ้าวเกอหาได้คัดค้านไม่
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโลกของจอมยุทธ์ ในตอนที่คนคนหนึ่งมีศักยภาพไม่เป็นสองรองใคร ผู้อื่นคนใดล้วนซีดเซียว
ตัวอย่างที่ง่ายที่สุด จอมมารหยวนเทียนไม่จำเป็นต้องมีกลอุบายอื่นใด เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำให้คนรู้สึกครั่นคร้ามแล้ว
โลกแปดพิภพในปัจจุบัน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งมีความสามารถและต้นทุนข้ามผ่านกฎเกณฑ์โดยส่วนมาก หลายครั้งหลายคราที่จำกัดควบคุมเขาได้มีเพียงการดำรงอยู่ของระดับชั้นเดียวกันเท่านั้น
เฉกเช่นวาจาของซือคงจิง นางรู้สึกว่าตนเองไร้พลัง ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะพลังฝึกปรือนางตอนนี้ยังต่ำนัก
อันที่จริงนี่ก็ไม่ทำให้นางแปลกใจเช่นกัน เปรียบกับอายุและระยะเวลาฝึกฝนของนางแล้ว นางเหนือชั้นกว่าคนนับไม่ถ้วนแล้ว เพียงแต่นางถูกหอบเข้าไปในสถานการณ์ที่พลังความสามารถพลังฝึกปรือของตัวเองในตอนนี้หมดทางตอบโต้
แท้จริงแล้วโศกนาฏกรรมของคนส่วนมากบนโลกหล้านี้ ล้วนมีที่มาจากตรงนี้
ในอีกความหมายหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเองก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพียงแต่เขามีวิธีการและแผนรับมืออื่น
และก็เป็นเพราะว่าการที่สามารถแก้ไขปัญหาตามหลักการทั่วไป ที่แต่ไหนแต่ไรพลังความสามารถและพลังฝึกปรือของตนเองในตอนนี้ไม่อาจโต้ตอบ ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอถึงได้มีตำแหน่งและชื่อเสียงบารมีอย่างทุกวันนี้
เยี่ยนจ้าวเกอมองซือคงจิง ก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อก่อนพวกเจ้าออกไปฝึกฝนประสบการณ์ภายนอก แม้จะมีคนนำพา แต่โดยรวมแล้วถ้าไม่ถึงขั้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวจัดแจงกับพวกเจ้า เพราะทางสำนักก็พิจารณาถึงผลจากการฝึกฝนเช่นกัน”
ซือคงจิงกล่าว “แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ในใจพวกข้าก็มีความรู้สึกพึ่งพาอยู่เสมอ”
นางมองยังน้ำตกไกลออกไป ฟังเสียงน้ำกระทบกันดังซู่ซ่า “ศิษย์พี่เฟิงมีวันนี้ได้ ชีวิตอันโชกโชนที่สองปีนั้นร่อนเร่ลำพัง ถูกคนไล่ล่าสังหารตลอดเวลา นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง”
“แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรก็ตาม”
ชายหนุ่มรู้ว่าคำพูดที่ซือคงจิงเอ่ยไม่ได้เกี่ยวกับจันทรากาย เข็มแกนน้ำแข็ง และคัมภีร์แห่งจันทราของเฟิงอวิ๋นเซิงแต่อย่างใด
ที่นางหมายถึงคือพลังความสามารถอันกล้าหาญองอาจของเฟิงอวิ๋นเซิง ผู้เหนือชั้นรุ่นเดียวกันนั้น
ด้านหนึ่งคือพรสวรรค์ ด้านหนึ่งก็คือประสบการณ์เช่นกัน ความสามารถในการต่อสู้สังหารจริงของเฟิงอวิ๋นเซิง แก่กล้ากว่าจอมยุทธ์ระดับขั้นเดียวกันโดยส่วนใหญ่นัก
เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ เฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงต่างเป็นศิษย์ใต้ฟู่เอินซู ยามปกติฝึกฝนต่อสู้แลกเปลี่ยนความรู้อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้ก็น่าสนใจอย่างยิ่งเหมือนกัน เฟิงอวิ๋นเซิงเรียกซือคงจิงว่า ‘ศิษย์พี่ซือคง’ และยามซือคงจิงเรียกเฟิงอวิ๋นเซิง นางก็เรียกว่า ‘ศิษย์พี่เฟิง’ เช่นกัน
แน่นอนว่าระหว่างทั้งสองหาได้มีความขัดแย้งอะไรไม่ และก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะตาต่อตา ฟันต่อฟันใดๆ เช่นกัน
เป็นเพราะเฟิงอวิ๋นเซิงกราบเข้าเป็นศิษย์ทีหลัง จึงเรียกอย่างยกย่องซือคงจิงซึ่งอายุน้อยกว่าตนว่าศิษย์พี่
ส่วนสาเหตุที่ซือคงจิงเรียกเฟิงอวิ๋นเซิงกว่าศิษย์พี่ ก็ง่ายดายอย่างยิ่งแล้ว
ระหว่างศิษย์ในสำนักไร้ฆาตไร้แค้น ไม่ถึงขั้นต่อสู้เอาเป็นเอาตาย หากแต่ในระดับเดียวกันประลองประมือ เฟิงอวิ๋นเซิงมักจะเหนือชั้นกว่าขั้นหนึ่งเสมอ
ถ้าหากเป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย ความได้เปรียบของเฟิงอวิ๋นเซิงยังคงมากยิ่งกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีความคิดจะก้าวก่ายการตัดสินใจของซือคงจิง เพียงอมยิ้มกล่าวว่า “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ มีใจฝักใฝ่ยุทธ์ ต่อสู้สุดชีวิตแสวงหาความก้าวหน้าเช่นกัน แน่นอนว่าข้าไม่มีความเห็น สำหรับผู้อื่นยากจะเอ่ย สำหรับเจ้าแล้ว บางทีอาจจะเป็นเส้นทางที่สามารถทำได้อย่างแท้จริงก็เป็นได้”
“หากแต่ประการแรก ทางที่ดีเจ้าถามความเห็นท่านอาจารย์ฟู่ก่อนค่อยตัดสินใจ ประการที่สอง ต่อให้จะไปก็ต้องรอท่านอาจารย์ปู่ออกจากฌาน ให้ทั้งหมดมวลจบลงก่อนค่อยพูดถึงจะดีกว่า ระยะนี้กำลังมีเรื่องมากมาย”
ซือคงจิงฟังแล้ว ผงกศีรษะพลางกล่าว “ที่ศิษย์พี่เยี่ยนกล่าวมีเหตุผล ข้าเข้าใจดี”
นางประสานมือเหนืออกคำนับเยี่ยนจ้าวเกอ ครั้นกล่าวลาแล้วก็ออกไป
ชายหนุ่มมองเงาหลังซือคงจิง รู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง “เรือใหญ่แข่งขันแน่นขนัดแม่น้ำ ใครเล่าจะโผล่ออกมาแสดงฝีมือได้เต็มที่?”
จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ แล้วกลับที่พำนักของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี