เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะตน จากนั้นหมุนฝ่ามือฟาดลง
ท่วงท่าอิสระเรียบง่าย ลีลาโบราณไร้ขัดเกลา ดูแล้วไม่ฉับไว ออกจะให้ความรู้สึกเชื่องช้าเสียด้วยซ้ำ
ทว่าเยี่ยนเหอที่อยู่เบื้องหน้ากลับบังเกิดความรู้สึกพรั่นใจขึ้นในใจอย่างน่าประหลาด คล้ายกับไม่ว่าตนจะหลบหลีกต้านทานอย่างไร ท้ายที่สุดล้วนหนีฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอนี้ไม่พ้น ศีรษะจะถูกซัดจนแตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ความรู้สึกนั้น เหมือนกับฟ้าดินล้วนอยู่ในฝ่ามือของชายหนุ่มทั้งสิ้น
ทั่วทั้งฟ้าดินพลิกกลับ ท้องนภาคล้อยหล่นลง ตามการพลิกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้คนไร้ซึ่งหนทางหนี หมดทางต่อต้าน ทำได้เพียงหลับตารอความตาย
ฝ่ามือนี้ฟาดลง มองจากมุมของเยี่ยนเหอนั้น เยี่ยนจ้าวเกอทั้งคนราวกับเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่อย่างยิ่ง ประหนึ่งเทพสรรค์จุติยังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน
พลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมทั่วร่างเยี่ยนเหอ ปราณจิตรามหาศาลอีกทั้งหนาหนักปิดตายบริเวณโดยรอบ พื้นที่คล้ายกับทรุดลงโดยเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
หนึ่งในสามสุดยอดวิชากว่างเฉิง ฝ่ามือนภากว่างเฉิง!
หนึ่งฝ่ามือคล้อยลง ราวกับฟ้าเอียงลาด!
เยี่ยนเหอพยายามปลุกสติสัมปชัญญะอย่างหนัก ต้านทานการกดขี่และทำลายจากเจตจำนงฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ อีกทั้งยกมือข้างหนึ่งขึ้นตามจิตสำนึก
เขามั่นใจว่าด้วยระดับพลังฝึกปรือมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระดับกลางของตน ไม่ควรถึงกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีพ่ายแพ้ง่ายดายเช่นนี้
ของวิเศษลับหมอกพิษเย็นสงัดปิดกั้นของวิเศษทั้งกายเยี่ยนจ้าวเกอไว้ชั่วขณะ ตนเองมีโอกาส…
ความคิดยังไม่ทันพลิกผัน ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอก็กดลงมาแล้ว ฟาดลงไปบนฝ่ามือเยี่ยนเหอ
หาได้หน่วงเวลาสักนิดไม่ โครงกระดูกตั้งแต่ฝ่ามือ จนทั่วร่างเยี่ยนเหอเริ่มแหลกละเอียด!
เขาเบิกตาโพลง กลับค้นพบว่าตนไร้พลังต่อต้านโดยสิ้นเชิง ราวกับหลังจากท้องฟ้าถล่มลง ตนเองก็แปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นละอองที่อันตรธานสลายไป!
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเยี่ยนเหอด้วยความนิ่งสงบ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ของวิเศษบนตัวข้ามากไปสักหน่อย เหมือนกับว่าทำให้คนมองข้ามพลังความสามารถเฉพาะตัวข้าไปบ้าง ระดับขั้นข้าตอนนี้ยังค่อนข้างต่ำ หากแต่พิจารณาพลังฝึกปรือของตัวข้า คิดจะลอบสังหารข้า อย่างน้อยท่านยังห่างชั้นอีกมากนัก”
เฉกเช่นพลังความสามารถของเยี่ยนเหอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะกลาง กระนั้นก็เป็นเพียงการสืบทอดสายหลักของขุมกำลังระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าขั้นซ่อนจิตระยะต้นผู้ใดก็ตาม ล้วนมีความสามารถเอาชนะข้ามขั้นเขาได้
ชายหนุ่มแทบจะกวาดผู้เปี่ยมความสามารถและสติปัญญารุ่นเดียวกันในหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ขั้นมหาปรมาจารย์แรกเริ่ม ต้องการสังหารเยี่ยนเหอก็จัดการได้ง่ายดายเช่นกัน
ต่อให้เยี่ยนเหอลอบจู่โจมสังหาร ก็เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ไม่ได้เช่นกัน
สีหน้าของเขาเศร้าซึม แววตาผ่อนเบา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่มองเขาอีกต่อไป หากแต่มองดูกล่องที่บรรจุหมอกพิษเย็นสงัดไว้กล่องนั้น
ไอเย็นกระจายหมดสิ้นแล้ว แต่ไรเป็นเพียงการพยายามคว้าโอกาสรำไรเพื่อลอบสังหาร ตอนนี้กลายเป็นเมฆหมอกบังตาไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนเหวินเต้าก็ถูกเยี่ยนเหวินเจินยับยั้งไว้เช่นกัน การตกเป็นฝ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ใกล้อยู่ตรงหน้า มีมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนอยู่ เขาคิดจะหนีล้วนหวังเกินตัว
ผู้ที่สามารถช่วงชิง ไม่สู้รบจนตัวตาย ก็ถูกจับเป็นแล้ว
บรรดาจอมยุทธ์ตระกูลเยี่ยนมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกหวั่นใจขึ้นมารางๆ
มหาปรมาจารย์ หลังจากเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ บนโลกใบนี้ก็ไม่ปรากฏมหาปรมาจารย์ที่อายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีอีกเลย จนกระทั่งเยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้านี้!
สองปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอก้าวหน้าฉับไว แนวโน้มรุดหน้ายังเกินจริงเสียยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋บิดาของเขาเสียอีก
ด้วยพลังฝึกปรือขั้นปรมาจารย์ ได้รับอำนาจผู้อาวุโสสูงสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำนักเขากว่างเฉิงเช่นนี้ ตำแหน่งและพลังอำนาจคล้ายกับล้ำเหนือผู้กุมหางเสือขุมกำลังชั้นหนึ่งทั้งหมดในโลกหล้า
ตั้งแต่อดีตกาลมา สามารถมีได้สักกี่คน?
หลายปีมานี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กลับไปเขตสัจจเมฆาอันเป็นที่ตั้งของเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน จนถึงขั้นที่ผู้คนตระกูลเยี่ยนมักจะรู้สึกว่าผลสำเร็จของเขาลวงตาอยู่บ้าง
หญิงสาวผู้นี้ สวีเฟยก็รู้จักเช่นกัน นางเป็นศิษย์ยอดเยี่ยมรุ่นเดียวกับตนเอง แม้จะไม่ใช่ผู้สืบทอดสายหลัก แต่ก็ได้รับการให้ความสำคัญ และการมุ่งมั่นบ่มเพาะจากอาจารย์เช่นกัน
อายุของหญิงสาวค่อนข้างน้อยกว่าสวีเฟยนัก อายุเท่ากับเยี่ยนจ้าวเกอโดยประมาณ
สาเหตุที่ทำให้สวีเฟยเกิดความสนใจ เป็นเพราะว่าเท่าที่เขาทราบ ศิษย์น้องหวังท่านนี้ มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับลู่เวิ่นอย่างยิ่ง
บางทีลู่เวิ่นอาจจะยังคิดกับนางเป็นเพียงศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ทว่าศิษย์น้องหวังกลับทุ่มความรักให้ลู่เวิ่นอย่างมาก
ซึ่งขณะนี้ ทิศทางที่สายตานางมองไป ก็เป็นสถานที่ที่ลู่เวิ่นเข้าฌานนั่นเอง
สวีเฟยขมวดหัวคิ้วขึ้น หากเขาเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ลู่เวิ่นเข้าฌานเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
“ศิษย์น้องหวัง กำลังรอศิษย์น้องลู่หรือ?” สวีเฟยกล่าวถาม ศิษย์น้องหวังหลุดออกจากภวังค์ เร่งรีบกล่าวตอบ “ศิษย์พี่สวี ระยะเวลาเข้าฌานของศิษย์พี่ลู่ กินเวลาปีกว่าจะสองปีแล้ว!”
ในดวงตาทั้งสองของนางปิดแววกลัดกลุ้มไม่มิด สวีเฟยได้ยินแล้วก็กล่าวในใจ ‘ตั้งแต่พ่ายให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เข้าฌานมาโดยตลอด ไม่ออกจากฌาน…’
สวีเฟยไม่ได้สนิทสนมกับลู่เวิ่นแต่อย่างใด อีกฝ่ายทนดูเขาร่ำสุราเป็นนิจไม่ได้ เขาเองก็ไม่มีทัศนะเดียวกันอะไรกับลู่เวิ่นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเคารพซึ่งกันและกันโดยการอยู่ห่างๆ
ลู่เวิ่นหยิ่งทระนง สวีเฟยเองก็รับรู้ หากแต่ตอนนี้ได้ยินว่าอีกฝ่ายอับจนทางออก เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่บ้างเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายปีมานี้เกิดเรื่องนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต
ถึงแม้ว่าสวีเฟยจะมีความกังวลในใจอยู่บ้าง ทว่าบนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกมา เพียงคลายกังวลให้กับศิษย์น้องหวัง “ไม่ต้องเป็นกังวลไป ครั้งนี้ศิษย์น้องลู่อาจจะสามปีไม่ส่งเสียง ครั้นส่งเสียงอาจจะน่าตื่นตะลึงก็เป็นได้”
หลังจากพูดปลอบใจศิษย์น้องหวังให้กลับไป สวีเฟยกลับไม่ได้กลับไปเช่นกัน หากแต่สูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในป่าอีก
จนกระทั่งโพรงหินปิดตายติดภูเขาแห่งหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของสวีเฟย
————————–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี