สือซงเทาเดินมาถึงบริเวณกลางบรรดาจอมยุทธ์ที่ถูกจับไว้เหล่านั้น ยืนนิ่งแหงนหน้ามองสือเถี่ย
เสียงทุ้มต่ำแหบแห้งดังขึ้น “ตอนนี้ ซ้ายมือข้ามีเจ็ดคน ขวามือมีสิบห้าคน”
“หากข้าบอกว่าตอนนี้ข้าจะฆ่าให้เรียบฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เจ้าคิดว่าจะควรจะเลือกฝั่งไหนดี?”
ดวงตาทั้งสองของสือเถี่ยฉายแววเฉยชาอันบีบคั้นผู้คน ฝ่ามือที่ยันบนเจดีย์สูงสีทองสั่นระริกเล็กน้อยครู่หนึ่ง ไม่ได้ถอนออก
เขาเหยียดมืออีกข้างที่ว่างอยู่ไปทางสือซงเทา ทว่าซือหม่าฉุยยกหอกขึ้นจู่โจม ขัดขวางสือเถี่ยไว้
สือซงเทากล่าวเย็นชา “ด้วยพลังฝึกปรือของเจ้า หากไม่สนใจศูนย์กลางมหาค่ายกลล่ะก็ แม้จะมี ‘ราชันมังกร’ กีดขวาง ก็สามารถทำให้พวกข้าทุกคนสั่นสะท้านสิ้นใจได้เช่นกัน”
“หากแต่เจ้าไม่อาจไม่สนมหาค่ายกลที่จะชักนำนพยมโลกมาเยือน ถูกกระมัง?”
จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปมองทางจอมยุทธ์กว่างเฉิงเหล่านั้น “ประสบการณ์ของพวกเจ้าตอนนี้ ก็เหมือนข้าตอนนั้นไม่มีผิด”
“เทียบกับผลที่ตามมาจากการมาถึงของนพยมโลก อาจจะมีคนตายสองหมื่น สองแสน สองล้านหรือกระทั่งมากกว่านั้น ด้วยเหตุนี้ชีวิตของพวกเจ้าไม่กี่สิบยี่สิบคน ในสายตาสือเถี่ย ก็กระจ่างชัดว่าสำคัญไม่พอ”
จอมยุทธ์กว่างเฉิงเหล่านั้น บ้างสีหน้าอารมณ์ซับซ้อน บ้างกลับจ้องสือซงเทาอย่างแข็งกร้าวราวกับจะกินเลือดเนื้อ
สือซงเทามองยังสือเถี่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระนั้นคำถามเมื่อครู่ ข้าก็รู้คำตอบของเจ้าแล้วเช่นกัน”
เขามองซ้ายมองขวา “เจ็ดคนกับสิบห้าคน เจ้าหวังรักษาสิบห้าคนไว้เป็นแน่”
“ฝั่งที่คนมากกว่าไงเล่า ถูกต้องหรือไม่?” สือซงเทาหัวร่อหยัน
จอมยุทธ์กว่างเฉิงเจ็ดคนเยื้องไปทางซ้ายของเขาเหล่านั้น พลันเผยแววสิ้นหวังออกมาบนใบหน้าโดยพลัน
ทว่าสือซงเทาไม่ได้รีบร้อนลงมือ กลับหันศีรษะมองทางด้านขวาด้วยซ้ำ “แต่ว่า เหลือสิบห้าคนนี้ หากแบ่งอีกเป็นฝั่งหนึ่งห้าคน ฝั่งหนึ่งห้าคน ฝั่งหนึ่งสิบคน เจ้าจะเลือกช่วยฝั่งไหนไว้?”
สายตาสือเถี่ยเปลี่ยนเป็นแน่นิ่ง
สือซงเทาเอ่ยเย็นชา “หรือว่าฝั่งนั้นที่คนมากกว่า? เช่นนั้นก็เก็บสิบคนไว้ สละห้าคน?”
“เหมาะสมกับรูปแบบของเจ้าอย่างยิ่ง หากแต่…” สือซงเทาแบมือทั้งสองข้างผายออกไปทั้งสองฝั่ง เอื้อนเอ่ยเย็นเยียบ “เช่นนั้นล่ะก็ คนที่มีชีวิตต่อไปคือสิบคนนี้ คนที่ตายคือยี่สิบคนนี้ ฝั่งใดมาก ฝั่งใดน้อย?”
สือเถี่ยมองสือซงเทา เนิ่นนานไม่พูดจา
สายตาของสือซงเทา ก็เพ่งมองร่างสูงใหญ่กลางอากาศผู้นั้นไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน
“ศิษย์พี่สือ ขัดจังหวะท่านสักหน่อย” เวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอพลันพูดออกเสียง “คำพูดของข้าไม่มากนัก แค่สามประโยค”
“ประโยคแรก หลายๆ ครั้ง หลายๆ เรื่อง หาใช่ตัวเลือกง่ายดายที่จำนวนมากน้อยแต่อย่างใด ด้วยอุปนิสัยของท่านอาจารย์ลุงใหญ่ หากเขาต้องเลือกจริงๆ ข้าคิดว่า เขาจะไม่เลือกสละชีวิตจำนวนมากกว่า และจะไม่เลือกสละชีวิตจำนวนน้อยกว่าเช่นกัน แต่เลือกสละตัวเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองสือซงเทา “โบราณว่าเอาไว้ ว่าไม่มีผู้ใดจะรู้จักบุตรดีเท่าบิดา ในทางกลับกันก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน ข้าคิดว่าความเข้าใจที่มีต่อท่านอาจารย์ลุงใหญ่ของท่าน น่าจะลึกซึ้งกว่าข้า”
เส้นสายตาสือซงเทาย้ายจากสือเถี่ย มายังเยี่ยนจ้าวเกอ ยังคงเฉยชาไร้สุ้มเสียง
ชายหนุ่มสบตาเขาด้วยความสงบนิ่ง “ประโยคที่สอง แท้จริงแล้วใคร่ถามเรื่องหนึ่ง”
“พี่สะใภ้อวี่เจินกับจวินเอ๋อร์ พวกเขาตายไปแล้ว หรือเหมือนเช่นท่านตอนนี้?”
ภรรยาของสือซงเทา แซ่อิ๋ง นามว่าอวี่เจิน มีฐานะเดิมคือจอมยุทธ์ไร้สำนัก หลังจากรู้จักกับสือซงเทา ความสัมพันธ์ของทั้งสองลึกซึ้งอย่างยิ่ง กลายเป็นสามีภรรยา เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ภายหลัง พวกเขาให้กำเนิดบุตรชาย ตั้งชื่อว่าสือจวิน ยังเป็นชื่อที่เจ้าสำนักหยวนเจิ้งเฟิงช่วยตั้งให้
ขวบปีหลังจากสือจวินเกิดมา เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวสือเถี่ยและสือซงเทามีความสุขมากที่สุด
ทว่าน่าเสียดาย ช่วงเวลาดีๆ ไม่อาจดำรงอยู่ตลอดกาล หลังจากนั้นก็เกิดหายนะครั้งนั้น
ครอบครัวสือซงเทาทั้งสามประสบเคราะห์ทั้งหมด ไม่พบร่องรอย อยากจะเก็บกระดูกก็ทำไม่ได้
ขณะนี้ ในที่สุดสือซงเทาปรากฏตัวอีกครั้ง กระนั้นกลับยังคงไม่พบเห็นเงาร่างของอิ๋งอวี่เจินกับสือจวิน
เยี่ยนจ้าวเกอ สือเถี่ย และสวีเฟยมองสือซงเทาราวกับสุนัขป่าได้รับบาดเจ็บ ต่างรู้สึกหนักอึ้งในใจเป็นพักๆ
เทียบกับสือเถี่ยและสวีเฟย คำถามนี้ ยังคงเป็นเยี่ยนจ้าวเกอผู้เอ่ยปากถาม
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สือซงเทาหายใจแรงฉับพลัน ในแววตาเผยเห็นประกายเดือดดาลและทุกข์ทรมาน รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองสือซงเทา เอ่ยเชื่องช้า “ประโยคที่สาม…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี