หลังจากสิ้นใจ ร่างกายของสือซงเทาก็กลายเป็นควันดำ สลายหายไป
สือเถี่ยหลับตา ยืนอยู่กับที่ เนิ่นนานไม่พูดจา
กระนั้นไม่นานนัก เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้บาดแผลช่วงอกและเอวจะยังคงมีอยู่ ทว่าร่างกายเปลี่ยนเป็นสูงสง่าไม่ศิโรราบอีกหน
เขาเบือนหน้าหันกลับมองเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “ข้าให้อาหู่แจ้งทางสำนักแล้ว”
“มหาค่ายกลแดนมารของเขตเชื่อมทะเลสาบถูกจัดการแล้ว พวกเราก็รีบกลับสำนัก ค่อยพูดกันระหว่างทางเถอะ” ครั้นสือเถี่ยชูมือขึ้น กระแสอากาศม้วนพาเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยขึ้น เหินลอยขึ้นสูง “หวังว่าทุกอย่างจะยังคงทันกาล”
โลงแก้วที่สามโลงนั้น ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บกลับกระเป๋าย่อส่วนของสือซงเทาอีกครั้งแล้ว จากนั้นจึงส่งต่อให้สือเถี่ย รับเก็บเอาไว้เงียบๆ
มอบงานให้กับจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ที่เร่งมารับหน้าที่จัดการหลังเกิดเหตุแล้ว สือเถี่ยจึงพาอาหู่และพ่านพ่าน เหยียบย่างอากาศ ห้อตะบึงกลับสำนักไปพร้อมกัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอล้วนมองดูบาดแผลบนร่างสือเถี่ยด้วยความเป็นห่วง
อาการบาดเจ็บนั้นหาใช่เล็กน้อยไม่ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ สือเถี่ยฝึกวิชากายเพชร ทั่วสรรพางค์กายไม่มีทางรั่วทะลุ ป้องกันและโจมตีผสานเป็นหนึ่ง พลังความสามารถแก่กล้าเกรียงไกร
กระนั้น หากเกิดความเสียหายขึ้นจนกายเพชรมีรูรั่ว จะทำให้พลังความสามารถของสือเถี่ยตกต่ำลงไม่น้อย ไม่ได้ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้น
จอมยุทธ์บางคนได้รับบาดเจ็บ สามารถกดอาการเจ็บไว้ได้ แม้จะมีผลข้างเคียง แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการปลดปล่อยพลังความสามารถในช่วงเวลาสั้นๆ
หากแต่สือเถี่ยในขณะนี้ กลับต้องรับผลกระทบอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
หากเขายังคงประมือกับคนเดิมต่อไป จะยิ่งเพิ่มพูนอาการบาดเจ็บไม่หยุดยั้ง
สือเถี่ยเองกลับมีสีหน้าสงบเงียบ เด็ดเดี่ยวประดุจหินผา คล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
เขาเร่งเดินทางไปพลาง กล่าวไปพลาง “มีบางเรื่องที่พวกเจ้ารู้ และมีบางเรื่องที่พวกเจ้าไม่รู้”
“การดำรงอยู่ของนพยมโลก มีอยู่ตั้งแต่โบราณกาล แต่สรรพสิ่งจำนวนมากในนั้น ทุกคนต่างไม่เข้าใจ เนื่องจากความหวาดหวั่นที่มีต่อนพยมโลก การสืบสำรวจอเวจีของทุกคนล้วนเป็นการเตรียมพร้อมและป้องกัน ความคืบหน้าเชื่องช้าอย่างยิ่งยวด”
“ศิษย์น้องฟางไปได้ลึกกว่าคนอื่น บางความลับในนั้น เขาเป็นผู้สัมผัสแรกเริ่มอย่างแท้จริง”
“แต่ไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นการสั่นคลอนและปลุกปั่นของนพยมโลกที่มีต่อจิตใจคน ดังนั้นจึงถอนตัวทันที ถอดใจจะเข้าลึกต่อไปอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้ว แววตาทอประกายแวบ “อาจารย์ลุงสองเป็นฝ่ายแข็งกร้าวตั้งแต่แรกเริ่ม!”
สวีเฟยเองก็สูดหายใจเข้าลึกเช่นกัน มองตรงยังสือเถี่ย “อีกทั้ง ยังเป็นแนวคิดที่แข็งกร้าวยิ่งกว่าท่าน ยิ่งกว่าท่านอาจารย์อาเยี่ยนเสียอีก ถึงขั้นที่เป็นคนที่มีรูปแบบท่าทีแข็งกร้าวแกร่งกล้าต่อภายนอกที่สุดทั่วทั้งเขากว่างเฉิง แทบจะถึงระดับที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล!”
สือเถี่ยผงกศีรษะ “ศิษย์น้องฟางก็เคยมีความคิดชักนำนพยมโลกมาเยือน บนเขตแดนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เช่นกัน”
“แสดงภาพลักษณ์ฝ่ายมั่นคงออกมา ก็เพื่อสลับจริงและลวง ทางหนึ่งวางแผนปกปิดให้แก่เขา ทางหนึ่งก็แสดงภาพลวงที่เขากับศิษย์น้องเยี่ยนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แม้แต่รูปแบบแนวคิดล้วนต่างกันลิบลับออกไปภายนอก ทำให้การแข่งขันระหว่างเขากับศิษย์น้องเยี่ยนยิ่งดุเดือดทวีคูณในสายตาของโลกภายนอก”
“แต่ไม่นานนักเขาก็ค้นพบ ว่าอันที่จริงแล้วนพยมโลกกำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา ตั้งใจทำให้เขากลายเป็นผู้นำทางของนพยมโลก”
สวีเฟยกล่าวเชื่องช้า “ศิษย์น้องฟางไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากค้นพบว่าตนถูกนพยมโลกค่อยๆ ชี้นำให้หลงผิด เขาก็ควบคุมตัวเองอย่างแน่วแน่ ยุติความพยายามตลอดมาของตน ปลีกตัวถอยออกจากบ่อโคลนทันเวลา”
“ภายนอก ท่าทีศิษย์น้องฟางเริ่มเปลี่ยนแปลงจากมั่นคง ไปในทางแข็งกร้าว โดยเฉพาอย่างยิ่งเขาแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงของตัวเองออกมาในที่สุดก็แล้วไป เพียงแต่เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ดังนั้นจึงค่อยๆ เป็นไปทีละขั้น”
สือเถี่ยมองทางเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย “เรื่องนี้ พวกเจ้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นธรรมดาอย่างยิ่ง เพราะทั่วทั้งเขากว่างเฉิง นอกจากศิษย์น้องฟางแล้ว มีเพียงสามคนคือท่านอาจารย์ ข้าแล้วก็ศิษย์น้องเยี่ยนที่รับรู้”
ทางหนึ่ง เมื่อคนที่รู้เรื่องมีจำนวนมาก ก็อาจจะมีคนชักจูงนพยมโลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี