ยามเมื่อเยี่ยนตี๋และจอมมารหยวนเทียน ฃเข้าไปในมิติต่างแดนเหนือเขากว่างเฉิงด้วยกัน มหาค่ายกลคุ้มกันเขากว่างเฉิงพลันถูกกระตุ้น
ลวดลายค่ายกลราวกับรุ้งกินน้ำหลายสายทอดผ่านท้องนภา เปล่งแสงขึ้นมารอบเขากว่างเฉิง โดยมียอดเขานภากาศ ยอดเขาหลักของเขากว่างเฉิงเป็นศูนย์กลาง ประกอบกันเป็นค่ายกลมโหฬารที่อาณาเขตกว่างใหญ่ค่ายหนึ่ง
ค่ายกลนี้ยื่นขยายออกไกลออกไปตลอดเวลา ไกลลิบลับจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
เหนือยอดเขานภากาศ ฟากฟ้าสั่นไหวเล็กน้อยครู่หนึ่ง ปรากฏรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมหึมาซึ่งเกือบจะโปร่งแสงออกมา ความยาวรอบด้านไม่รู้ได้ว่าเท่าไร ทว่าใหญ่ยักษ์เสียยิ่งกว่าทั้งเขากว่างเฉิงเป็นร้อยเป็นพันเท่า เติมเต็มท้องฟ้าแล้วในขณะนี้
หลังปรากฏออกมาในพริบตา สี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ก็กลับไปโปร่งแสงอีกหน ทำให้ผู้คนไม่อาจพบเห็นด้วยตาเปล่า
เหนือสุดยอดเขานภากาศ ผู้เฒ่าสองคนเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกัน ด้วยพลังฝึกปรือของพวกเขา กลับสามารถเห็นความจริงแท้ในนั้นได้
ทั้งสองคนนี้คือผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองของสำนักเขากว่างเฉิง ผู้อาวุโสเก่าแก่จางคุน และผู้อาวุโสสูงสุดหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ ซินตงผิงนั่นเอง
สำนักเขากว่างเฉิง เท่าที่ผู้คนในโลกหล้าทราบ มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมทั้งสามท่านนอกจากอดีตเจ้าสำนักหยวนเจิ้งเฟิงแล้ว เว้นผู้อาวุโสเก่าแก่แซ่เหออีกท่านหนึ่งซึ่งกำลังคุ้มกันหยวนเจิ้งเฟิงอยู่ อีกสองคนล้วนอยู่ที่นี่แล้ว
ผู้อาวุโสจางจดจ้องท้องฟ้า พลางรำพึงรำพันกับตนเองว่า “เป็นจอมมารหยวนเทียนดังคาด! คิดไม่ถึงว่าเยี่ยนตี๋จะเคลื่อนย้ายเขาจากโลกภายนอกเข้าไปในมหาค่ายกลนภา ไม่เอ่ยถึงก่อนว่าเขาทำได้เช่นไร หากแต่นี่ก็อันตรายเกินไปแล้วเช่นกัน พาศัตรูขั้นศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ใจกลางสำนัก นี่คงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
ซินตงผิงมองดูท้องฟ้าเช่นเดียวกัน ไม่ได้พูดกล่าว
บิดาบุตรเยี่ยนตี๋และเยี่ยนจ้าวเกอสามารถย้ายจอมมารหยวนเทียนกลับเขากว่างเฉิงได้ ก็เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว
เยี่ยนตี๋กลับสำนักเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ยิ่งนัก
หากแต่เยี่ยนตี๋เองกลับมาไม่เท่าใด ยังพาจอมมารหยวนเทียนกลับมาด้วย เขายังคงถูกหยวนเทียนตรึงไว้ ไม่อาจแยกร่างทำสิ่งอื่น
ซินตงผิงพลางครุ่นคิด ใต้ฝ่าเท้าแตะแผ่วเบา สัมผัสมหาค่ายกลนภาที่สร้างมิติต่างแดนนั้นออกมา
เบื้องหน้าเขาและผู้อาวุโสจาง ปรากฏแดนลวงตาแสงวาวโรจน์ออกมาฉับพลัน ในแดนลวงตาก็คือทัศนียภาพภายในมิติต่างแดน
จากนั้น ทั้งสองพลันค้นพบว่าเยี่ยนตี๋ที่สวมเสื้อคลุมนภา เจตจำนงตัดสลับ เสมองอาณาบริเวณ หยวนเทียนที่ขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กำลังเสียเปรียบอย่างคาดไม่ถึง!
บัดนี้ผนวกกับการกุมชัยภูมิมหาค่ายกลนภาเข้าไปอีก พลังความสามารถของเยี่ยนตี๋พุ่งสูงขึ้นอีกขั้น!
แม้ว่าเพื่อที่จะป้องกันศัตรูนอกคนอื่น เยี่ยนตี๋ไม่ได้กระตุ้นพลังมหาค่ายกลทั้งหมด โดยส่วนมากคือคงเสถียรภาพมิติต่างแดน กักหยวนเทียนไว้ภายใน
ทว่าแม้จะทำเช่นนี้ ระหว่างที่ดาบสรรค์มังกรทะยานในมือเขาตัดสลับ ก็โจมตีจนหยวนเทียนทรุดถอยไม่เป็นกระบวนท่าเช่นกัน
จอมมารศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่าน่าเกรงขาม สะบักสะบอมสิ้นท่า!
นับแต่หยวนเทียนเหยียบย่างขั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นต้นมา ไหนเลยจะเคยผลุนผลันร้อนรนเช่นตอนนี้?
ผู้อาวุโสจางสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “ถ้าหากสามารถสร้างฟ้าดินในช่วงเวลาอันสั้นได้ ไฉนเลยการสังหารจอมมารระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ปัญหาอันใหญ่หลวงนี้ที่นี่ จะเป็นไปไม่ได้”
ซินตงผิงมองดูภาพฉากนี้ หลังจากนั้นเนิ่นนานจึงกล่าว “เป็นเช่นนี้ไม่ผิด แต่ว่าในระยะเวลานี้ ยิ่งสั้นเท่าใดยิ่งดี เพราะหากยิ่งยืดเยื้อนานเท่าใด ความผันแปรก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
สิ้นเสียงพูด เขากว่างเฉิงเบื้องล่างทั้งสองคน ก็คล้ายกับสั่นสะเทือนฉับพลันครู่หนึ่ง
คิ้วขาวราวหิมะทั้งสองของผู้อาวุโสจางขมวดย่นเข้าหากัน มองไปยังทิศยอดเขาอรรณพ “…เป็นทางหุบเขาผนึกเวหา?”
แรงสั่นสะเทือนจากทิศยอดเขาอรรณพส่งทอดมาราวกับแผ่นดินไหวเป็นพักๆ ต่อเนื่องทั่วทั้งเขากว่างเฉิงคล้ายกับโยกคลอนขึ้นมาพร้อมกัน
“มีศิษย์น้องกงรักษาการณ์หุบเขาผนึกเวหาอยู่ เหตุใดจึงเกิดความเปลี่ยนเปลี่ยนฉับพลันขึ้นได้?” ผู้อาวุโสจางเพ่งมองยอดเขาอรรณพ
ซินตงผิงที่อยู่ข้างๆ สีหน้าสงบนิ่ง “ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ก็จำเป็นต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด”
“ฟางจุ่นสาบสูญไม่แน่ชัด ผู้ใดก็ไม่รู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วเขาไปทำอะไร” ซินตงผิงเอื้อนเอ่ย “ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่อาจด่วนสรุป แต่บางเรื่องก็ควรเตรียมใจไว้บ้างเช่นกัน”
เขามองไปยังผู้อาวุโสจาง “รวมถึงศิษย์น้องกงด้วย คนอื่นต่างไม่ใช่คู่ต่อสู้ฟางจุ่น พวกเราคนใดคนหนึ่งไปตรวจดูเถอะ ส่วนอีกคนหนึ่งรั้งอยู่ที่นี่ ควบคุมดูแลค่ายกลให้เยี่ยนตี๋”
ผู้อาวุโสจางมองซินตงผิงอย่างเอาจริงเอาจัง แววตาซินตงผิงเงียบสงัดไร้คลื่น ดุจดั่งน้ำนิ่งเฉกเช่นปกติ ไม่พบความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี