เกิดสงครามใหญ่ปะทุขึ้นที่สำนักเขากว่างเฉิง ทั้งยังมีไอมารพวยพุ่งสู้ฟ้า สถานการณ์ยุ่งเหยิง ไม่นานนักก็ได้รับความสนใจจากแต่ละฝ่าย
ยอดฝีมือกว่างเฉิงนอกเหนือจากเกาะนภากลาง ต่างมีใจคิดกลับสำนักเพื่อเป็นกำลังเสริม หากแต่บัดนี้สถานการณ์โลกภายนอกก็เปลี่ยนเป็นตรึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน
แรงกดดันมหาศาลบีบบังคับพวกเขาไม่ให้ออกจากพื้นที่ ไม่อาจกลับเขากว่างเฉิงเพื่อหนุนกำลังได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะนภาใต้ที่กำลังเผชิญหน้ากับอัคคีพิภพ
บริเวณเขตแดนระหว่างอัคคีพิภพกับนภาพิภพ มียอดฝีมือระดับสุดยอดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะไม่ได้ย่างกรายเข้าสู่นภาพิภพ กระนั้นบรรยากาศอันตึงเครียดก็พร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกขณะ
ด้วยการนำทัพยอดฝีมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของพานป๋อไท่ ผู้อาวุโสเก่าแก่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และผู่จ้าวจวิน ผู้นำของเจ็ดสุริยัน ต่างเดินทางมาถึง จ้องขย้ำนภาพิภพ
พานป๋อไท่เอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ “ศิษย์พี่หวงจะออกฌานยามใด?”
ผู่จ้าวจวินกล่าว “ในเร็ววันนี้ ภายในสองวันนี้แล”
อีกฝ่ายพยักหน้า เส้นสายตาทอดมองทิศเขากว่างเฉิง “อันที่จริงตอนนี้สามารถลงมือได้แล้ว”
สีหน้าของผู่จ้าวจวินสงบนิ่ง “อาจารย์อาพานอย่าได้รีบร้อน หากลงมือตอนนี้ ยังไม่มีความมั่นใจพอที่จะกวาดล้างเขากว่างเฉิงกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตให้ราบเรียบไปพร้อมกันได้ หากนพยมโลกมาถึง สำนักเราก็จัดการได้ยากเช่นเดียวกัน หอคลื่นโหมเองก็จะมีข้อโต้แย้งเช่นกัน ถึงขั้นที่แม้แต่ผู้อาวุโสโม่ ปราชญ์ภาพวาดก็อาจจะตื่นตกใจไปด้วย”
“อีกทั้งหากลงมือทันทีล่ะก็ จะถูกเมืองทะเลมรกตและสำนักเขาไร้พรมแดนขัดขวาง คอยท่าอีกสักหน่อย ทะเลตะวันออกเริ่มไม่สงบขึ้นมาแล้ว รอให้เมืองทะเลมรกตกับหอคลื่นโหมถูกปีศาจอัคคีเบนความสนใจ พวกเราก็สามารถโจมตีสังหารได้”
“เมื่อถึงเวลานั้น ระหว่างกว่างเฉิงกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตก็น่าจะต่อสู้กันจนต่างบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแล้วเช่นกัน”
ผู่จ้าวจวินเอ่ย “หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานแล้ว ด่านขวางกั้นนี้ใช่ว่าเขากว่างเฉิงจะผ่านพ้นไปได้โดยง่าย”
สีหน้าพานป๋อไท่ดูเยือกเย็น แม้ในดวงตาแฝงเพลิงโทสะและความเกลียดชังไว้ แต่พูดการจาก็ยังคงไม่เสียความสุขุมไป “ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แม้แต่จอมมารหยวนเทียนเองล้วนยื่นมือเข้ามา หากแต่กิจการเขากว่างเฉิงหลายปีนี้ ก็ไม่ใช่ว่าวุ่นวายเช่นกัน หยวนเทียนคิดจะก่อการ ต้องผ่านด่านเสื้อคลุมนภานั้นให้ได้เสียก่อน”
“พวกเราไม่ลงมือ เว้นแต่ว่าภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตมีวิธีจัดการมหาค่ายกลนภาของกว่างเฉิง มิเช่นนั้นแล้วเกินกว่าครึ่งกว่างเฉิงจะสามารถผ่านเภทภัยนี้ไปได้”
ครั้นได้ยินคำพูดของพานป๋อไท่แล้ว ผู่จ้าวจวินก็พลันยิ้ม “สำหรับเรื่องมหาค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิง สำนักพวกเราก็เตรียมของบางอย่างเอาไว้แล้วเช่นกัน”
“ถึงแม้จะรอเตรียมรบอยู่ที่นี่ หาจังหวะลงมือ แต่โอกาสต้องพึ่งความพยายามของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรอคอยเสมอไป”
ประกายตาเขาไม่สะทกสะท้าน หันกายกลับไปมองค่ายกลค่ายหนึ่งตรงนั้นที่กำลังโคจรอยู่เงียบๆ
เส้นสายตาของพานป๋อไท่ตกอยู่บนค่ายกลนั่นเช่นเดียวกัน “ไม่บุกโจมตีโดยตรง พึ่งเพียงค่ายกลนี้ อาจจะสั่นคลอนมหาค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิงไม่ไหว”
ผู่จ้าวจวินสืบเท้าไปทางค่ายกล ก้าวเข้าไปในนั้น “ย่อมไม่ใช่เพียงเท่านี้”
เขาพลิกฝ่ามือ ระหว่างที่แสงวาวโรจน์ทอประกาย ทั่วสรรพางค์ด้านหนึ่งกลายเป็นทองคำบริสุทธิ์ ธนูยาวที่ด้านบนมีเพลิงปลิวไสวไหลเวียนปรากฏอยู่ในมือ
นั่นคืออาวุธวิญญาณระดับสูงอันเลื่องชื่อของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ธนูยิงตะวันนั่นเอง
ผู่จ้าวจวินดึงสายธนู จากนั้นก็หยิบสิ่งของรูปแบบเดียวกันออกมาอีก
หาใช่ลูกธนูขนนกไม่ หากแต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับกระสุนหน้าไม้ ดูแล้วให้ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่ง
ด้วยการส่องสะท้อนแสงวาวโวจน์ของธนูยิงตะวัน ปริมาตรปรากฏให้เห็นว่ากระจิริดยิ่ง ทว่ามองดูอย่างถี่ถ้วน กลับยังรู้สึกอีกว่าหนักอึ้ง ราวกับแฝงพลังที่แก่กล้ายิ่งกว่าธนูยิงตะวันไว้
พานปั๋วไท่เห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขาวขึ้น “ผลพลิกตะวัน? ของสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าสาบสูญไปแล้วหรือ ปรากฏคราก่อนคือหกร้อยปีก่อนเต็มๆ แล้ว”
ผู่จ้าวจวินระบายยิ้ม “หาไม่แล้วจะให้กล่าวเช่นไร โอกาสต้องพึ่งความพยายามของตนเองอย่างไรเล่า”
ขณะเอ่ยไปพลาง เขากลัดลูกกระสุนหน้าไม้สีดำเล็กๆ นั่นไปบนสายธนูยิงตะวัน จากนั้นน้าวธนู!
ทิศทางที่เล็งไปไม่ใช่นภาพิภพแต่อย่างใด หากแต่เป็นค่ายกลที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี