หวงเจี๋ยเก็บมุกวิเศษ เดินออกจากโพรงหิน สายตามองไกลออกไปยังทิศทางของนภาพิภพ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ มีเงาร่างหนึ่งผลักประตูเข้ามา สืบเท้ามาถึงเบื้องหน้าหวงเจี๋ย คนผู้นั้นคือถังหย่งฮ่าวนั่นเอง
“ศิษย์น้องหวง สำนักกำลังจะบุกเขากว่างเฉิงในตอนนี้อย่างนั้นหรือ?” สีหน้าถังหย่งฮ่าวเคร่งขรึม มองหวงเจี๋ยอย่างจริงจัง
หวงเจี๋ยเหมือนว่าจะไม่แปลกใจในการมาเยือนของถังหย่งฮ่าวอย่างใด กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “สำนักไม่ได้จะบุกโจมตีเขากว่างเฉิง แต่ต้องการขจัดภัยที่บ่อนทำลายโลกแปดพิภพต่างหาก”
ถังหย่งฮ่าวมุ่นคิ้วพลางมองหวงเจี๋ย
สีหน้าท่าทางหวงเจี๋ยเฉยชา “เขากว่างเฉิงคบคิดกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต มีเค้าส่อให้เห็นแจ่มชัด ในความเป็นจริงแล้วที่นั่นก็คือต้นกำเนิดของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต เป็นคนนำทางของนพยมโลก”
“มารนพยมโลกเหมือนปีศาจอัคคีจากโลกปีศาจอัคคี ล้วนเป็นศัตรูของโลกแปดพิภพ”
“สำนักเราละอายใจในฐานะดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกแปดพิภพในปัจจุบัน เป็นภาระหน้าที่ต้องขัดขวางการถึงของนพยมโลก หรือไม่ใช่เล่า?”
ถังหย่งฮ่าวเอื้อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เขากว่างเฉิงกับสำนักเราบาดหมางกัน ข้ารู้ดีแก่ใจ ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่สะสมมาแค่วันสองวัน”
“ถ้าหากเป็นการสู้รบระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของเราทั้งสองจริง ก็นับเป็นการต่อสู้ภายในของเหล่าจอมยุทธ์โลกแปดพิภพ ข้าถังหย่งฮ่าวในฐานะผู้สืบทอดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จะต่อสู้แนวหน้ากับผู้สืบทอดกว่างเฉิงจนตัวตาย จะไม่ลังเลเด็ดขาด”
“แต่เจ้าก็พูดแล้ว ว่านพยมโลกเป็นศัตรูร่วมกันของโลกแปดพิภพ ต่อให้ระหว่างสำนักเรากับเขากว่างเฉิงจะมีความขัดแย้งอะไร ก็ควรจะจัดการนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตก่อนค่อยสะสางเช่นกัน”
“ในแต่ละสำนัก แต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมีไส้ศึกของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต บัดนี้เขากว่างเฉิงเกิดสงครามใหญ่ ชัดเจนว่าระหว่างภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกับเขากว่างเฉิงกำลังต่อสู้สังหารกันอย่างสุดชีวิต”
ถังหย่งฮ่าวจ้องหวงเจี๋ยด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย “พวกเรานั่งบนภูดูเสือกัดกันก็พอ ยังต้องช่วยภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตด้วยหรือ?”
สายตาหวงเจี๋ยสงบนิ่งดุจดั่งน้ำ “ศิษย์พี่ถัง เมื่อครู่ข้าบอกแล้ว ว่าเป้าหมายของสำนักเราคือปราบคนที่อาจจะนำพานพยมโลกมาเยือนอย่างไรเล่า”
“เขากว่างเฉิง ก็คือต้นกำเนิดของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต”
หวงเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อย “สงครามใหญ่ในตอนนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าใช่ไม่ใช่อุบายหลอกคน?”
ถังหย่งฮ่าวได้ยินแล้ว ลูกตาดำของเขาพลันหดลงเล็กน้อย
หวงเจี๋ยกล่าวต่อไปว่า “ยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขากว่างเฉิง ถ้าต้องพูดถึงล่ะก็ คนที่อุทิศตนสู่นพยมโลกได้ง่ายที่สุดคือใคร? แท้จริงแล้วคือเจ้าสำนักของพวกเขา หยวนเจิ้งเฟิงผู้ซึ่งมีตำแหน่งฐานะสูงที่สุด”
“ผู้อาวุโสหยวนท่านนี้ เคยผ่านช่วงรุ่งเรืองในยุคจ่านตงเก๋อมาก่อน อีกทั้งเคยผ่านช่วงจำศีลในยุคของจ่านซีโหลวเช่นกัน มองในมุมของผู้สืบทอดสำนักเขากว่างเฉิง เขาแบกภาระอันหนักหน่วงในการทำให้สำนักผงาดขึ้นอีกครั้ง และแบกรับแรงกดดันอันน่าพรั่นพรึงของสำนักเราที่ท่านปู่ข้ามอบให้เขาอีก”
“จ่านซีโหลวได้จากไปแล้ว ตัวเขาเองก็ยังมีอาการเจ็บเดิมอยู่อีก สิ้นหวังก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ อายุขัยถดถอย ปัจจุบันใกล้ฝั่งลงขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางเบื้องหน้าอับแสง ความกดดันก็ยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ”
หวงเจี๋ยเอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง “ต่อให้เขาไม่รักตัวกลัวตาย แบกรับความกดดันของสำนัก ก็อาจจะกดอยู่บนบ่าเขาทุกขณะ…”
ถังหย่งฮ่าวพลันตัดบทหวงเจี๋ย “ศิษย์น้องหวง เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นรึ?”
พฤติกรรรมไร้มรรยาทแบบนี้ ระหว่างศิษย์ร่วมสำนัก แทบบจะไม่เคยเกิดขึ้นกับถังหย่งฮ่าวมาก่อน
กระนั้นสายตาที่เขามองหวงเจี๋ยในตอนนี้ กลับเด็ดขาดอย่างยิ่ง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ไฉนเลยต้องใช้วาจาเหล่านี้ปั่นหัวข้า?”
หวงเจี๋ยปิดปากเงียบ มองถังหย่งฮ่าวด้วยความเงียบสงบ
ถังหย่งฮ่าวจ้องมองหวงเจี๋ย “ศิษย์น้องหวง เจ้ามากฝีมือความสามารถ แต่ไรมาข้าล้วนเลื่อมใส ถึงคนนอกไม่รู้ถึงความสามารถของเจ้า แต่ข้ารู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี