เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังทิศทางของสำนักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ที่นั่นมีไอมารสีดำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ภูเขาเขียวชอุ่มงามลออยามปกติ บัดนี้ประหนึ่งเมืองผี
“ภายในมีนพยมโลกมาเยือน ซินตงผิงชิงมหาค่ายกลคุ้มกันเขาล้อมโจมตีท่านพ่อด้วยกันกับจอมมารหยวนเทียน ด้านนอกมีสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์จ้องตาเป็นมันอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “ภยันอันตรายหนนี้ ยากผ่านพ้นไปได้จริงๆ”
อาหู่มองยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังวลใจอยู่บ้าง “คุณชาย ท่านประมุข…”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร เพียงตั้งใจมองไปยังเขากว่างเฉิง
เหนือยอดเขา มิติกำลังบิดเบี้ยวไม่หยุด คล้ายกับจะแตกสลายออกมาได้ทุกเมื่อ มีพลังทำลายพินาศไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากในนั้น ตกลงยังเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง
ขณะที่รัศมีแสงทอประกาย ฝ่ามือยักษ์สองข้างเหยียดยื่นออกมาจากด้านล่างยอดเขามหาคุณหลังเขา ราวกับยันฟากฟ้าขึ้น ค้ำชูมิติต่างแดนอันบิดเบี้ยวนั่นไว้ พยายามทำให้มันคงที่อย่างเต็มที่ ไม่ให้กระทบกระเทือบสำนักเขากว่างเฉิง
“นั่นน่าจะเป็นผู้อาวุโสเหอที่เฝ้าคุ้มกันท่านอาจารย์ปู่ บัดนี้ไม่สามารถนั่งชมอยู่เฉยๆ ถูกบีบให้ลงมือแล้วเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอมองยังหลังเขาอีกด้าน ตรงยอดเขาอรรณพมีไอมารพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า แทบจะคลุมครอบยอดเขาเอาไว้
ทว่าท่ามกลางเขตแดนไอมารสีดำ มีประกายกระบี่วาววามพุ่งขึ้นมา หยุดแดนมารไม่ให้ขยับขยายออกไปอีกขั้น
“ส่วนนั่นน่าจะเป็นอาจารย์ลุงสอง บังคับยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารเอาไว้”
เพราะไม่แน่ใจว่าไส้ศึกเป็นผู้ใด หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอทบทวนวิธีการยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารแล้ว จึงไม่ได้เสนอต่อสำนัก
การศึกษาและปรับปรุงมหาค่ายกลของฝ่ายภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ก็กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
ตั้งแต่ไม่อาจหลุดพ้นอเวจีในตอนแรก ทำได้เพียงทดลองอยู่ภายในอเวจี เมื่อถึงเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในทะเลสาบปิดนภา อาศัยสายน้ำที่มีต้นกำเนิดจากอเวจีก็สามารถวางค่ายกลได้
เริ่มจากเมืองของเกาะทราย ในสถานที่ที่ห่างไกลอเวจีก็สามารถวางมหาค่ายกลแดนมารได้เช่นกัน มากกว่านั้นยังสามารถนำพาไอมาร เปลี่ยนตำแหน่งมาเยือนของประตูนพยมโลกได้
เยี่ยนจ้าวเกอวิเคราะห์ค่ายกลแดนมารของอีกฝ่าย ระดับการทำลายค่ายกลสูงขึ้นตลอดเวลา
หากแต่ฝ่ายภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต หรือกล่าวได้ว่า ซินตงผิงประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ผ่านการศึกษาวิชาทำลายค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงปรับแก้และพัฒนาระดับการวางค่ายกลเช่นกัน
ชายหนุ่มและผู้อาวุโสท่านนี้ได้ต่อสู้กัน ผ่านมหาค่ายกลแดนมารหลายยกแล้ว
ด้วยสถานการณ์ก่อนหน้าที่ยากยืนยันได้ว่าไส้ศึกเป็นผู้ใด เยี่ยนจ้าวเกอจึงเสนอวิชาคลายและยับยั้งใหม่ที่สุดสำหรับมหาค่ายกลแดนมารแก่เพียงเยี่ยนตี๋เท่านั้น
หากแต่ตอนนี้เยี่ยนตี๋กำลังต่อสู้อยู่กับศัตรูแก่กล้าในมิติต่างแดน แน่นอนไม่อาจแยกร่างไปบอกกล่าวฟางจุ่น
ขณะนี้ฟางจุ่นอาศัยพลังพลังฝึกปรือของตนในการยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารทั้งสิ้น เคราะห์ดีที่พลังฝึกปรือของเขาสูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอนัก ความเข้าใจในไอมารของนพยมโลกก็ล้ำเหนือผู้อื่นเช่นกัน
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหาและผนึกกั้นหุบเขา ทั้งยังถูกซินตงผิงพันธนการ ทำให้ฟางจุ่นฟางผลาญพลังไปจำนวนมาก
ตอนนี้เขาทำได้เพียงฝืนระงับมหาค่ายกลแดนมารไว้เท่านั้นเช่นกัน
กระนั้น ในที่สุดก็ทำให้นพยมโลกไม่ถึงขั้นมาเยือนเขากว่างเฉิงโดยพลัน
“ตอนนี้สถานการณ์ที่อันตรายและสำคัญที่สุด ยังคงอยู่ที่ทางท่านพ่อ” เยี่ยนจ้าวเกอคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กดฝ่ามือลงบนพื้นดิน สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของมหาค่ายกลคุ้มกันเขากว่างเฉิงต่อเนื่อง “แม้ท่านพ่อจะสวมเสื้อคลุมนภา แต่เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างจอมมารหยวนเทียน กับซินตงผิงที่ยึดอำนาจควบคุมมหาค่ายกลคุ้มกันเขาโดยส่วนใหญ่ไป เท่ากับว่ามียอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์สองคน”
“โชคดีเช่นกันที่ท่านพ่อต้านทั้งสองคนไว้แบบหนึ่งต่อสอง หาไม่แล้วหากอีกฝ่ายแยกออกมาได้ สถานการณ์คงจะเลวร้ายถึงขีดสุดแล้ว”
ปัญหาสำคัญอยู่ที่ ทางเยี่ยนตี๋โจมตีเพลิงแท้ออกมาแล้ว พลังความสามารถระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือสิ้นใจคาสนามรบ ต่อสู้จนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
นางไม่กล่าวมากความ แม้จะยังมีจุดที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับหลักการโคจรค่ายกล ทว่าจดจำให้ขึ้นใจในทันที
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึก “ระวังตัวด้วย”
“พวกท่านเองก็ระวังตัวเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า หลังจากนางแน่ชัดว่าตนจำคำพูดของชายหนุ่มได้แล้ว นางก็โผนกระโจนขึ้นบนร่างพ่านพ่านทันที
เวลานี้พ่านพ่านก็ไม่เกียจคร้านแล้วเช่นกัน ทิ้งอุ้งเท้าทั้งสี่ห้อตะบึงออกไป
เขากล่าวกับพวกสือเถี่ยต่อว่า “วิธีแก้ไขมหาค่ายกลคุ้มกันเขา ไม่ใช่เขากว่างเฉิงกระทำเองแต่อย่างใด มิเช่นนั้นแล้วจะถูกซินตงผิงทำลายในทันที ดังนั้นจึงต้องอาศัยฟ้า ดิน และมนุษย์ สามสิ่งเป็นรากฐาน ดำเนินการนอกเขากว่างเฉิงทั้งสามแห่งพร้อมกัน ตำแหน่งที่แน่ชัดให้ยึดที่ข้าคำนวณไว้เป็นหลัก”
หลังจากบอกตำแหน่งทั้งสามแห่งให้กับสือเถี่ยและซือคงจิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปยังสวีเฟย “วิธีนี้ต้องใช้สองคนประสานกัน ผู้หนึ่งเป็นหลัก ผู้หนึ่งคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นศิษย์พี่สวีท่านไปกับท่านอาจารย์ลุงใหญ่ เป็นลูกมือให้กับเขา ศิษย์น้องซือคงไปหาท่านผู้อาวุโสจางหรือไม่ก็อาจารย์อาฟู่แล้ว ก็ทำเช่นเดียวกัน”
“หากผู้อาวุโสจางกับอาจารย์ฟู่ต่างสามารถปลีกกายออกมาได้ ก็ให้หาคนช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง หากมีท่านอาจารย์ลุงใหญ่ อาจารย์อาฟู่ ผู้อาวุโสจาง ทั้งสามคนมาดำเนินการ เช่นนี้ก็ยิ่งประสบผลสำเร็จง่าย”
สวีเฟยและซือคงจิงผงกศีรษะพร้อมกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเบือนศีรษะเอ่ยกับอาหู่ “อาหู่เจ้าคอยช่วยข้า”
อาหู่ผงกศีรษะสีหน้าจริงจัง
สือเถี่ยมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ “แม้เจ้าจะเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล แต่ตอนนี้มีการต่อสู้กันอยู่ทั่ว อันที่จริงมีมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ กระทั่งขั้นรูปญาณอยู่ไม่น้อย หากพวกเจ้าประสบพบเข้า เกรงว่าจะเป็นอันตราย”
————————–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี