พานป๋อไท่ ผู่จ้าวจวิน และคนอื่นๆ ตกลงยังบนเขากว่างเฉิงพร้อมกัน
พวกผู้อาวุโสจางและผู้อาวุโสกงต่างมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าขรึม
เส้นสายตาของพานป๋อไท่มองผ่านไปทางเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่บนยอดเขาพายุสะท้านโดยพลัน “ไอ้เด็กน้อยตระกูลเยี่ยน เจ้าฆ่าหลานข้า วันนี้เป็นเวลาชดใช้ด้วยชีวิต!”
ผู่จ้าวจวินสังเกตยอดเขาทั้งแปดของกว่างเฉิง
ร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงครามเดือดระหว่างเขากว่างเฉิงกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้ ล้วนถูกกำจัดไปจนเกือบหมดแล้ว
ทว่ายอดเขาพ้นอัคคีที่ถูกเฉือนปลายยอดไป และเปลี่ยนเป็นยอดแหลมขึ้นใหม่อีกครั้ง ยังคงปรากฏความหายนะของเขากว่างเฉิงว่าประสบพบเช่นไรให้ผู้คนพบเห็นอยู่
ทว่าตอนนี้ มหันตภัยซ้ำอีกหนที่หนักหนากว่าเดิมทยอยมาถึงไม่ขาดสาย ไม่ให้โอกาสผู้คนของเขากว่างเฉิงได้หายใจหายคอ
ผู่จ้าวจวินเอ่ยเสียงเรียบ “เขากว่างเฉิง หนึ่งในดินแดนศักดิ์ทั้งหกที่ไร้ประโยชน์ต่อโลกแปดพิภพ กลับเป็นที่ซ่องสุมคนชั่ว ลอบไปมาหาสู่กับนพยมโลก ก่อตั้งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต พยายามชักนำนพยมโลกมาเยือนโลกแปดพิภพของเรา ทำให้มารร้ายก่อความยุ่งเหยิง ชาวบ้านเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า”
“เขากว่างเฉิงเจ้าสร้างหายนะแก่ผู้คน ไม่ว่าใครล้วนมีสิทธิ์คาดโทษ”
ผู้อาวุโสจางและเหล่าจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี พลันรู้สึกเดือดดาลยิ่ง
เสียงของหญิงผู้หนึ่งดังขึ้น “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังคงหน้าหนาเช่นนี้จริงๆ ด้วย”
ผู้ส่งเสียงกลับเป็นฟู่เอินซู คิ้วนางขมวดมุ่น “สงครามปีศาจอัคคี สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เจ้าก็มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ จงใจกักพลังความสามารถไว้ บัดนี้สำนักข้าขัดขวางการมาเยือนของนพยมโลกได้อย่างต่อเนื่อง ซ้ำยังหลั่งเลือดต่อสู้กับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต กำจัดพวกมันให้สิ้นไป พวกเจ้ากลับมาได้คืบจะเอาศอก”
“สงครามนอกแต่ไรไม่เคยพบเห็นท่าทีพวกเจ้าโออวดเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง มีเพียงสงครามในระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่กี่แห่ง กลับร้อนรนมาอวดเบ่งบารมี”
ฟู่เอินซูตะคอกกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ตอนนี้ยังกล้ามาพาลใส่ร้ายสำนักข้า ช่างไร้ยางอายเป็นที่สุด!”
ผู่จ้าวจวินเอื้อนเอ่ยอย่างเฉยชา “บัดนี้สำนักข้าไม่ใช่มาเพื่อกำจัดไส้ศึกของโลกแปดพิภพ และโลกอันสงบสันติใบนี้ ตัดความเป็นไปได้ที่นพยมโลกจะมาเยือนหรอกหรือ?”
เส้นสายตาของเขาพินิจทั่วเขากว่างเฉิง “ตอนนี้พวกเจ้ากำลังวางแผนให้นพยมโลกมาเยือน สำนักข้ามาเพื่อขัดขวางโดยเฉพาะ เรื่องก็เป็นฉะนี้”
เขาสั่นศีรษะ “ก่อนหน้านี้ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเขากว่างเฉิง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สง่าผ่าเผย กลับยอมเป็นสุนัขรับใช้แก่นพยมโลก”
ผู้อาวุโสจางสีหน้าผิดไปจากปกติ ผู้อาวุโสกงก็บัดดาลโทสะเช่นกัน กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์สนเพียงภายใน ไม่สนภายนอก จากที่ข้าเห็น พวกเจ้าต่างหากที่เป็นไส้ศึกคอยประสานจากภายในพวกเดียวกับปีศาจอัคคี กับนพยมโลกกระมัง!”
ผู่จ้าวจวินกล่าวอย่างเย็นชา “ต้นตอของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ผู้สถาปนาภาคี และประมุขภาคี คือซินตงผิง บุคคลอันดับสองถัดจากหยวนเจิ้งเฟิง อยูภายใต้สำนักเขากว่างเฉิงเจ้า ปัจจุบันเรื่องนี้แพร่สะพัดทั่วหล้าแล้ว ใช่ว่าพวกเจ้าเล่นลิ้นไม่กี่ประโยคก็สามารถปกปิดความจริงได้”
“ซินตงผิงถูกกำจัดทิ้งไปโดยสำนักแล้ว แม้แต่จอมมารศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกประหารไปพร้อมกัน ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตบุกโจมตีสำนักข้า สร้างความพินาศ ไม่อาจอดรนทนเจ้าพาลใส่ร้าย” ผู้อาวุโสจางเอ่ยเสียงทุ้ม
เสียงหนึ่งดังขึ้นบริเวณไกลออกไป “แต่เป็นพวกเจ้าสละรถรักษาแม่ทัพ[1]เอง เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่จงใจเมินเฉยผู้คนใต้หล้าก็เท่านั้น”
เงาร่างหลายเงาปรากฏกลางท้องฟ้า ตามเสียงเอื้อนเอ่ย
คนที่เป็นผู้นำก็คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกับผู้เฒ่าผมขาวผู้หนึ่ง
ในมือชายวัยกลางคนกุมธนูยาวคันหนึ่งที่ทอแสงสีวามวาบเอาไว้ เป็นผู้อาวุโสสูงสุดตำหนักอัสนีสวรรค์ หลินเทียนเฟิงนั่นเอง
ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายเขามีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่า ก็คือผู้อาวุโสเก่าแก่ของตำหนักอัสนีสวรรค์ท่านหนึ่ง มหาปรมาจารย์ระดับสุดยอดที่ย่างสู่ขั้นบรรลุธรรมหลายปีแล้ว
ด้านหลังทั้งสองยังมียอดฝีมือตำหนักอัสนีสวรรค์จำนวนมาก
การมาถึงของพวกกลุ่มคนหนึ่ง ยิ่งทำให้ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงบังเกิดความรู้สึกหายใจไม่ออกอันราวกับเมฆดำกดทับเมืองจนคล้ายจะทลาย[2]ออกมา
คนที่เพิ่งเปิดปากเอ่ยพูดเมื่อครู่คือหลินเทียนเฟิง เขายืนนิ่งอยู่กลางอากาศกล่าวว่า “หากวันนี้ข้าเชื่อพวกเจ้า ถอยกลับเพียงเท่านี้ด้วยความชะล่าใจ วันพรุ่งก็เป็นเวลาที่นพยมโลกมาเยือนโลกแปดพิภพแล้ว”
พานป๋อไท่กล่าวเสียงเยียบเย็นอยู่ข้างๆ “พูดกับพวกเขาให้มากความเช่นนั้นไปไย?”
“ไม่ต้องสนใจว่าเพราะเหตุอะไร วันนี้เขากว่างเฉิงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องดับสูญ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี