เงาร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าเยี่ยนตี๋ ดูไปแล้วไม่สูงใหญ่แต่อย่างใด ทว่าเป็นชายชราคนหนึ่งที่รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย
กระนั้นชายชายผู้นี้ยืนอยู่ตรงนั้น เรือนกายกลับดูสูงเทียมฟ้า
เขาก็คืออดีตเจ้าสำนักเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิง!
หวงกวงเลี่ยที่อยู่กลางท้องฟ้า ก้มมองหยวนเจิ้งเฟิง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะออกฌานไวป่านนี้ รุดหน้าขึ้นสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วรึ?”
“ก่อนหน้าเจ้าเข้าฌาน อาการบาดเจ็บเดิมฟื้นฟูแล้วหรือ?” หวงกวงเลี่ยเข้าใจอย่างรวดเร็ว “เจ้าทำได้เยี่ยงไร? หากอาการเจ็บหายดีนานแล้ว เหตุใดไม่เข้าฌานให้เร็วกว่านี้บ้าง ถึงกับเพื่อรอหลังข้าสักหน่อยเชียวหรือ?”
หยวนเจิ้งเฟิงระบายยิ้ม “ไม่น่าเบื่อเช่นเจ้าคิดขนาดนั้นหรอก เพียงแค่เจ้าโชคไม่ดี แต่หากข้าโชคดี”
ขณะมองดูอดีตเจ้าสำนักสนทนาพาทีหน้าตาเฉยอยู่บนยอดเขานภากาศ จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงล้วนส่งเสียงร้องยินดี
ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นำโดยกลุ่มผู่จ้าวจวิน พานป๋อไท่ และหลินเทียนเฟิงกับจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ สีหน้าอารมณ์ล้วนไม่ผ่อนคลายอีกต่อไป
หยวนเจิ้งเฟิงไม่เพียงเหยียบย่างขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ยังออกฌานยังเร็วกว่าที่ทุกคนคาดการณ์ไว้อักโข นี่ทำให้พวกเขารู้สึกรับมือไม่ทันอย่างแท้จริง
ที่แห่งนี้อย่างไรก็เป็นที่ตั้งของสำนักเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิงกุมความได้เปรียบในการเป็นเจ้าถิ่น มีมหาค่ายกลนภาเสริมหนุน แม้หวงกวงเลี่ยจะประสบผลสำเร็จรุดหน้าขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อีกก้าว สามารถกำชัยชนะเหนือหยวนเจิ้งเฟิงที่เขากว่างเฉิงแห่งนี้ได้หรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน
หวงกวงเลี่ยสายตามองหยวนเจิ้งเฟิง เอื้อนเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “แม้เจ้าจะข้ามผ่านขั้นบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้เจ้าจะออกฌานแล้ว กระนั้นแล้วอย่างไร?”
“สำหรับข้า หาได้แตกต่างกันมากไม่!”
เมื่อกล่าวจบ สองมือหวงกวงเลี่ยก็ยกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นถึงผลักฝ่ามือทั้งสองขนานออกไปด้านหน้า
แสงทองมากด้วยพลังมหาศาลรวมตัวกันอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างของเขา ลำแสงอื่นใดในโลกล้วนสลัวดับลงไป ราวกับรวมอยู่ที่ทั้งสองมือของหวงกวงเลี่ยหมดสิ้น
ขณะแสงทองทอประกายระยับ ดวงอาทิตย์ราวกับของจริงบนฟากฟ้า ร่วงหล่นลงมาจากที่สูงห่างจากพื้นดินไม่ถึงหมื่นจั้ง พลังความร้อนอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ กับพลังปะทุทำลายย่อยยับ รวมอยู่ตรงนี้ทั้งสิ้น
วิชาหมัดถึงตะวัน ตะวันเยือน!
สมญานามยกย่องจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนหวงกวงเลี่ย ได้รับมาจากตรงนี้เอง!
พลังบ้าคลั่ง ท่าอันทำลายล้างอย่างง่ายดาย ทำให้ฟ้าดินโดยรอบเขากว่างเฉิงเปลี่ยนเป็นเตาหลอม กลายเป็นโลกที่แสงทองเจิดจ้าแพรวพราวไปทั่วโดยสมบูรณ์
หากแต่ภายในโลกใบนี้ พลังมีฝ่ามือมหึมาข้างหนึ่งเหยียดออกมา คล้ายกับจะพาฟ้าดินโดยรอบเข้ามาระหว่างนิ้วมือและฝ่ามือของตนพร้อมกัน
หยวนเจิ้งเฟิงมองหวงกวงเลี่ย “ตาเฒ่าหวง เป็นความผิดข้า ที่หยุดชะงักอยู่ที่ขั้นมหาปรมาจารย์นานเกินไป ถึงขั้นที่ทำให้เจ้าหลงลืมว่าตอนที่ระดับของเราทั้งสองเท่ากัน เจ้าล้วนแพ้พ่ายด้วยน้ำมือข้ามาโดยตลอด”
ขณะที่ฝ่ามือมหึมาคว่ำลง ฟ้าดินพลันพลิกหมุน ดวงอาทิตย์สว่างไสวนั่นกลับเหมือนว่าถูกหยวนเจิ้งเฟิงคว้าไว้ในมือ
“ชายชาตรีจะไม่เอ่ยถึงความเก่งกาจในอดีต ตอนนี้เจ้ายังคงนำหน้าข้าหนึ่งก้าว ข้าเองก็ยอมรับ เจ้าในขณะนี้มีพลังฝึกปรือและพลังความสามารถเฉพาะตัว ยังคงล้ำเหนือข้าขั้นหนึ่ง”
“แต่ขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน ความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้าตอนนี้ เปรียบกับระยะห่างระหว่างขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แรกเริ่มกับมหาปรมาจารย์ เล็กน้อยเสียยิ่งกว่าเล็กน้อย”
กระบวนท่าฝ่ามือนภากว่างเฉิงของหยวนเจิ้งเฟิงร่วงลงดังกึกก้อง ฟาดดวงอาทิตย์อันน่าพรั่นใจดับสิ้นโดยพลัน!
“แต่ตอนนี้ สถานที่ที่พวกเราประมือกัน เป็นเขากว่างเฉิงของข้า”
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต้องการเหยียบประตูเขาของผู้อื่น ยอดฝีมือระดับสุดยอดของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายบุกโจมตี ระดับพลังฝึกปรืออย่างน้อยที่สุดต้องสูงกว่าศัตรูขั้นหนึ่งถึงจะใช้ได้
นี่เป็นเงื่อนไขแรกของการที่ระดับพลังความสามารถและพลังฝึกปรือของทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน
ดวงอาทิตย์สีทองพินาศย่อยยับ เพลิงไหลทั่วท้องฟ้ากระจายแตกซ่าน กลายเป็นฝนเพลิงสีทองสุดลูกหูลูกตาตกลงมา
แสงเพลิงสว่างไสวสะท้อนอยู่บนใบหน้าของพวกผู่จ้าวจวิน ที่บัดนี้มีสีหน้าสลัวหม่น
บริเวณไกลออกไป พลังปราณแกร่งกล้ายิ่งสองสาย ใกล้เข้ามาอย่างฉับไว
สายหนึ่งเหี้ยมโหดรุนแรง สายหนึ่งหนาหนักทรงพลัง
ทั้งสองพลางหมุนวนกระทบกระแทกซึ่งกันและกัน พลางถลันพุ่งมาทางทิศเขากว่างเฉิงในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองคนหยวนเจิ้งเฟิงและหวงกวงเลี่ยต่างไม่เบนสายตามอง
ผู้มาเยือนคือใคร พวกเขาล้วนกระจ่างชัด
คนหนึ่งคือหนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดที่สุดในโลกแปดพิภพปัจจุบัน ประมุขตำหนักอัสนีสวรรค์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว ‘ฟ้าคำรนแปดทิศ’ เฉินลี่
ทั้งสี่คนล้วนแพ้พ่ายถอยร่น สายตาเยี่ยนตี๋จ้องพานป๋อไท่เขม็ง กล่าวอย่างเยือกเย็น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะให้ใครชดใช้ชีวิต?”
ท่ามกลางเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของพานป๋อไท่ เขาก็จับดาบวิเศษอาวุธวิญญาณระดับสูงของตนขึ้น ฟันกระบวนท่าดาบผลาญฟ้าคล้อยทิศประจิมมาทางเยี่ยนตี๋
ด้วยดาบหนึ่งของเยี่ยนตี๋ อาวุธจึงหลุดจากมือของพานป๋อไท่ รูปญาณวรยุทธ์ และร่างผลาญฟ้าคล้อยทิศประจิมที่เขาประสบผลสำเร็จหลังจากย่างสู่ขั้นบรรลุธรรม ถูกเยี่ยนตี๋ฟันจนกลายเป็นสองท่อนโดยพลัน!
พานป๋อไท่ทั้งประหลาดใจและเดือดดาลในเวลาเดียวกัน กลับแลเห็นเยี่ยนตี๋เก็บอาวุธ “หากไม่ใช่พวกเจ้าก่อกวนมหาค่ายกลนภา สำนักข้ายับยั้งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต คงไม่ถึงขั้นเปลืองแรงเช่นนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ต้องพลีชีวิต เขากว่างเฉิงข้าก็จะไม่ต้องบาดเจ็บล้มตายมากมายถึงเพียงนี้เช่นกัน”
ในแววตาพยัคฆ์ทอประกายแสงเย็น เยี่ยนตี๋ชูมือขึ้นกำหมัดฉับพลัน กำปั้นแวววาวประดุจเพชร!
ยอดวิชาแปดพิภพอันดับแรก ที่ราชสีห์เหล็กสือเถี่ยชำนาญครั้งยังมีชีวิตอยู่ วิชากายเพชร!
เยี่ยนตี๋ต่อยหมัดหนึ่งไปด้านหน้าดังสนั่น!
ภาพร่างพานป๋อไท่ราวกับว่าวที่สายขาดสะบั้นก็ไม่ปาน ถูกต่อยจนกระเด็นออกไป!
พวกผู่จ้าวจวินและหลินเทียนเฟิงเห็นเช่นนั้น บนใบหน้าล้วนเปลี่ยนสี ร่างกายเริ่มถอยกรู
หวงกวงเลี่ยและมาตรสุริยันวัดสวรรค์แม้จะแข็งแกร่ง ทว่ากลับเลี่ยงหยวนเจิ้งเฟิงที่มีมหาค่ายกลนภาและชุดคลุมนภาเสริมหนุนตรงหน้าประตูเขากว่างเฉิงไม่ได้
สู้รบจวบจนขณะนี้ ไม่อาจดับสลายเขากว่างเฉิงได้แล้ว
พวกผู่จ้าวจวินและหลินเทียนเฟิงเคียดแค้นในใจ “ก็ลองดูว่าพวกเจ้าจะสามารถหดหัวอยู่ในประตูเขากว่างเฉิงชั่วชีวิตได้หรือไม่!”
ยามนี้ บนยอดเขาพายุสะท้าน เยี่ยนจ้าวเกอที่ค่อยๆ ถูกเหล่าผู้ทรงอำนาจมองข้าม สายตามองตรงยังกลุ่มคนของผู่จ้าวจวินที่อยู่กลางอากาศ “หากอาจารย์ปู่ไม่ออกฌาน ข้าจำเป็นต้องคิดพิเคราะห์รับมือกับหวงกวงเลี่ย กับทิ้งพวกเจ้าและคนอื่นๆทั้งหมดไว้ ทั้งสองเรื่อง เรื่องใดมีความมั่นใจมากกว่าหน่อย”
“ตอนนี้ข้ารู้สึกว่า ข้าม่ต้องเลือกก็ได้ บรรลุทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน”
ประกายตาเยี่ยนจ้าวเกอเยือกเย็น กระทืบเท้าครั้งหนึ่ง
ปลายยอดเขาพายุสะท้าน ปรากฏลวดลายค่ายกลเปล่งประกายขึ้น!
……………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี