ปลายยอดเขาพายุสะท้าน ลายเส้นแต่ละสายร้อยเข้าด้วยกัน ดูไปแล้วธรรมดาไม่แปลกใหม่ เหมือนกับเด็กใช้ไม้พลองขีดๆ เขียนๆ ไก่เขี่ยไปบนพื้นอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าชั่วขณะก่อนหน้ายังไม่เห็นลวดลายส่วนที่แปลกเฉพาะตัวแม้แต่น้อย ชั่วขณะถัดมา บนลวดลายอันธรรมดา ก็ทอแสงขมุกขมัวขึ้น ตามการย่ำเท้าของเยี่ยนจ้าวเกอ
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วปล่อยออกอย่างช้าๆ เช่นกัน จากนั้นถึงค่อยยกฝ่ามือของตนขึ้น
เขาพลันคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น แล้วจึงฟาดฝ่ามือหนึ่งไปที่กลางลวดลายค่ายกลบนปลายยอดเขาพายุสะท้าน
ค่ายกลเปล่งประกายแสงวาวโรจน์ โคจรขึ้นมาอย่างฉับไว
ระหว่างกลุ่มยอดเขาของเขากว่างเฉิง พลันมีกระแสปราณพิศวงหลากสายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
กระแสปราณทั้งหมดแบ่งออกเป็นเก้าสาย ภายในกระแสปราณทุกสาย ล้วนมีลำแสงสีแดงสดส่องสว่างวาบวับ แปลกประหลาดไม่อาจคาดเดา
หยวนเจิ้งเฟิงที่กำลังประมือกับหวงกวงเลี่ย บัดนี้แววตาของเขาไหววูบ ในลูกตาดำทั้งสองดวงล้วนปรากฏลวดลายค่ายกลของมหาค่ายกลนภาขึ้น
จากนั้น ลวดลายค่ายกลในลูกตาดำซ้ายเขาก็ค่อยๆ กระจายหายไป
ด้านหลังแผ่นหลังของเขามียันต์ประทับสายหนึ่งส่องแสงสว่างระยับ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสเหอทิ้งเอาไว้บนร่างเขา ในตอนที่เพิ่งออกฌานก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกับที่ผู้อาวุโสเหอทิ้งยันต์ประทับไว้อีก ก็ส่งกระแสจิตอธิบายสถานการณ์ด้วยความเร็วสูงสุด
ขณะนี้หยวนเจิ้งเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว ขับเคลื่อนพลังชุดคลุมนภา ต่อต้านหวงกวงเลี่ยเต็มกำลัง
หวงกวงเลี่ยรู้สึกเพียงว่าแรงกดดันที่หยวนเจิ้งเฟิงส่งให้ตนเองพลันลดน้อยลง
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ผู้แก่ชราไปกับการร่อนเร่กลับไม่ได้รู้สึกดีอกดีใจด้วยเหตุนี้แต่อย่างใด หยวนเจิ้งเฟิงเสื่อมทรุดเป็นม้าตีนปลายหรือไม่ เขากระจ่างชัดอย่างยิ่งยวด
หยวนเจิ้งเฟิงเหมือนเช่นเขา ล้วนออกฌานโดยสมบูรณ์ สภาพร่างกายกำลังถึงช่วงขีดสูงสุด ไม่มีปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย
พลังอ่อนกำลังลง เพียงเพราะพลังมหาค่ายกลนภา ไม่เสริมหนุนบนร่างของหยวนเจิ้งเฟิงทั้งหมดอีกต่อไป
กระนั้นแล้ว พลังอีกส่วนหนึ่งของมหาค่ายกลนภา ตอนนี้ไปอยู่ที่ใดแล้ว?
บนยอดเขาพายุสะท้าน ลูกตาดำซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอพลันมีแสงสีขาวเปล่งประกาย ในแสงขาวมีแสงทองสามจุดสว่างวาบผ่านไป ชั่วขณะถัดมา ลวดลายค่ายกลของมหาค่ายกลนภาก็ปรากฏอยู่ในลูกตาดำซ้ายเยี่ยนจ้าวเกอ
เขากดฝ่ามือขวาไปบนพื้นดิน มือซ้ายกลับเหยียดออกไปบนท้องฟ้า
ลวดลายค่ายกลที่ปรากฏมหาค่ายกลนภากลางอากาศ ผสานเข้ากับกระแสปราณสีแดงอันพิศวงแต่ละสายที่พุ่งขึ้นจากกลุ่มเขากว่างเฉิงขึ้นสู่ฟากฟ้า ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือ
ลวดลายมหาค่ายกลนภาที่เดิมทีส่องสว่างลำแสงสีขาว ค่อยๆ ถูกย้อมทับด้วยสีแดงพิลึกชั้นหนึ่งในชั่วขณะนี้
ในเวลาเดียวกัน เบื้องล่างยอดเขาอรรณพหลังเขา ในหุบเขาผนึกเวหา
ที่แห่งนี้ตระหง่านขึ้นด้วยเจดีย์สูงองค์หนึ่ง
รูปร่างลักษณะของเจดีย์สูง เฉกเช่นเจดีย์สูงองค์นั้น ศูนย์กลางมหาค่ายกลแดนมารก่อนหน้านี้ที่ชักนำนพยมโลกมาเยือน
เพียงแต่เจดีย์สูงองค์นี้กลับไม่ใช่สีทองแต่อย่างใด บนพื้นผิวไม่มีลวดลายค่ายกลสีดำราวกับสายโซ่พันอยู่รอบเช่นกัน อีกทั้งยอดเจดีย์ไม่มีประตูแสงสีแดงอันแปลกประหลาด
ทั่วทั้งเจดีย์สูง แผ่กระจายลำแสงสีแดงหม่นออกมา
เพียงแต่ลำแสงเหล่านี้ หลังจากผ่านการจัดการด้วยวิธีพิเศษของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ก็ไม่แผ่กระจายออกมาแต่อย่างใด ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาผนึกเวหาอันมืดมน
เจดีย์สูงสีแดงหม่นนี้ ก็เหมือนเช่นลวดลายค่ายกลก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอสลักบนยอดเขาพายุสะท้าน และไม่มีพลังปราณใดๆ พรั่งพรูออกมาเช่นกัน
บนเจดีย์สูงสีแดง เงาร่างคนผู้หนึ่งนั่งตัวตรงอยู่ ซึ่งก็คือฟางจุ่น
เขารอคอยอย่างเงียบๆ ตลอดเวลา รอจังหวะบุกโจมตี แม้ว่าในตอนที่อันตรายที่สุดที่ศัตรูบุกเขาเมื่อครู่ ก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวใดๆ เช่นกัน
เวลานี้รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขากว่างเฉิงและมหาค่ายกลนภา ภายในดวงตาทั้งสองของฟางจุ่นก็มีแสงโชติช่วงทอประกาย
ฟางจุ่นเพียงเคลื่อนไหวเรียบง่ายอย่างหนึ่ง นั่นก็คือผุดลุกออกจากเจดีย์สูงสีแดงหม่นองค์นั้น
เจดีย์สูงแดงหม่นที่ก่อนหน้านี้เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ขณะนี้พลันเปล่งแสง ตามที่ฟางจุ่นผุดลุกขึ้นออกไป
กระแสปราณแดงหม่นอันน่าพิศวงทั้งเก้าสายระหว่างกลุ่มเขากว่างเฉิง พลางล่องลอยขึ้นฟ้า ผสานเข้ากับลวดลายมหาค่ายกลนภากลางอากาศ พลางซ่อนเร้นสู่เบื้องล่าง พลางรวมกันอยู่ภายในหุบเขาผนึกเวหาพร้อมๆ กัน
สายโซ่หนาใหญ่ทั้งเก้าสายพุ่งออกไปในอากาศโดยไม่มีที่ยึดเหนี่ยว พันไปบนเจดีย์สูง พร้อมกับแสงแวววาวสีแดงหม่น
เจดีย์สูงสีแดงสั่นสะเทือนดังอื้ออึง ขนาดของมันไม่ได้เพิ่มขึ้น กลับเริ่มค่อยๆ หดเล็กลงด้วยซ้ำ
บนยอดเขาพายุสะท้าน เยี่ยนจ้าวเกอรับผิดชอบสถานการณ์ทั้งหมดเพียงผู้เดียว แหงนหน้าขึ้นทอดมองยังท้องฟ้า
บริเวณนั้น ลวดลายมหาค่ายกล เปลี่ยนเป็นสีแดงทั่วทั้งหมดโดยสมบูรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี