‘เหยาเหยา’ ที่ฝานชิวเอ่ยถึง แน่นอนว่าคือผู้สืบทอดสายหลักหอคลื่นโหม ที่มีวาสนาพบพานเยี่ยนจ้าวเกอในการประชุมฝ่านภาที่ทะเลสาบปิดนภาเพียงครั้งเดียว จางเหยา
ในเหตุการณ์แดนมารบนทะเลสาบปิดนภา จางเหยาถูกพวกหลิวเซิ่งเฟิงจับเอาไว้เช่นเดียวกับหลี่จิ้งหว่าน โชคดีที่ได้เยี่ยนจ้าวเกอช่วยไว้
ฝานชิวกับจางเหยาทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกัน ปกติแล้วดูเหมือนว่าก็สนิทสนมกันอย่างยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะคำนับฝานชิวตอบ แล้วส่งกระแสจิตเอื้อนเอ่ยเช่นกัน ‘ศิษย์น้องฝานเกรงใจเกินไปแล้ว’
เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงและเมิ่งหว่านยังคงเบิกตากว้างอยู่ตรงนั้น เยี่ยนจ้าวเกออดอมยิ้มไม่ได้ จากนั้นครรลองสายตาก็ตกลงบนร่างเมิ่งหว่านอีกครั้ง
ในที่สุดเมิ่งหว่านก็ละสายตาออกจากร่างเฟิงอวิ๋นเซิง เผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกออย่างสงบเงียบ ก่อนจะระบายยิ้มอย่างสุภาพ โดยที่ไม่เสียมารยาทและก็ไม่ปรากฏความสนิทสนม
ระหว่างสำนักเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ไว้หน้าโดยสิ้นเชิงแล้ว นางแสดงปฏิกิริยาต่อเยี่ยนจ้าวเกอเช่นนี้ ก็นับว่าปกติเช่นกัน
ทว่ากลับมองไม่เห็นอารมณ์ขุ่นเคืองโกรธแค้น อันเกิดขึ้นจากการกระทบกระทั่งกันในบ่อน้ำเย็นในตอนนั้นจากนางเลย
ผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ข้างกายเมิ่งหว่าน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำคณะก็คือซี่จ้าวจวิน หนึ่งในเจ็ดสุริยัน
ยามนี้ซี่จ้าวจวินอารมณ์สงบนิ่ง ไม่เห็นความปรวนแปรแม้แต่น้อย หากแต่สายตามองลึกอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอ
ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้อาวุโสเมิ่งกลับไม่ลดละแม้แต่น้อย จ้องมองซี่จ้าวจวินเช่นกัน สายตาของทั้งสองประชันกัน ในอากาศราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมา
ภายในหอ ฝ่ายหนึ่งสำนักเขากว่างเฉิง สำนักเขาไร้พรมแดน และเมืองทะเลมรกต ฝ่ายหนึ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักอัสนีสวรรค์ แบ่งแยกเป็นสองฟากอย่างชัดเจน กลายเป็นสถานการณ์ประจันหน้า ต่างไม่ยอมหลีกทางให้กัน
จอมยุทธ์หอคลื่นโหมยืนอยู่ตรงกลาง เห็นสถานการณ์แล้วต่างลอบถอนใจ
ทันใดนั้น เงาร่างของคนคนหนึ่งพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน แม้จะไร้ซึ่งเค้าส่อให้เห็น แต่กลับปรากฏตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ประหนึ่งกับอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้
ผู้นั้นคือหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างค่อนข้างสูงโปร่ง รูปโฉมธรรมดาทั่วไป หากแต่กลับให้ความรู้สึกลุ่มลึก ประดุจมหาสมุทรและบ่อน้ำลึก
ภาพรูปโฉมของคนผู้นี้แพร่สะพัดไปทั่วโลกแปดพิภพแล้ว บรรดาผู้คนในห้องนี้ จึงไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก
ประมุขหอคลื่นโหมรุ่นปัจจุบัน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์พลิกเมฆา ‘พลิกเมฆา’ อันชิงหลิน
ขณะเดียวกันก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หญิงเพียงท่านเดียวท่ามกลางโลกแปดพิภพในปัจจุบัน และเป็นยอดฝีมือหญิงอันดับหนึ่งที่ความสามารถสมกับชื่อเสียง
ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณอาทิ เมิ่งหว่าน และซี่จ้าวจวิน จวบจนรุ่นเยาว์เฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างสืบเท้าขึ้นหน้าแสดงการคำนับนาง “ประมุขหออัน”
อันชิงหลินที่ดูจากภายนอกมีลักษณะเหมือนวัยกลางคน แท้จริงแล้วอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วเช่นกัน หนำซ้ำยังดูแลหอคลื่นโหมมานานหลายปี
นางรุ่นอาวุโสเดียวกับพวกหยวนเจิ้งเฟิง หวงกวงเลี่ย และเฉินลี่ ทว่าอายุน้อยกว่าอยู่บ้าง ชื่อเสียงลือเลื่องมานานหลายปี นามกรสะท้านแปดพิภพ
อันชิงหลินผงกศีรษะเล็กน้อยและคำนับตอบ ก่อนจะกล่าวว่า “ปีศาจอัคคีรุกรานเข้ามาจากทะเลตะวันออก เป็นศัตรูร่วมของโลกแปดพิภพของเราที่มีเส้นทางเดียวกัน การประลองแห่งจันทราและมงกุฎแห่งจันทรา เพื่อต่อต้านปีศาจอัคคี มีความหมายสำคัญยิ่ง ยังคงขอให้สตรีแห่งจันทราแต่ละสำนัก แสดงฝีมือที่ฝึกฝนมาให้เต็มที่ เพื่อตัดสินผู้ที่แกร่งกล้าที่สุด จะได้ควบคุมมงกุฎแห่งจันทรา”
“หอคลื่นโหมของเราในฐานะเจ้าบ้านรู้สึกละอายใจ เมื่อดำเนินการรักษาการประลองแห่งจันทราให้เป็นไปตามลำดับ ก็หวังว่าไม่ว่าสำนักใดจะได้มงกุฎแห่งจันทรา จะพึงระวังอันตรายของปีศาจอัคคี”
อันชิงหลินอธิบายให้เข้าใจได้อย่างมาก พวกผู้อาวุโสเมิ่งและซี่จ้าวจวินต่างผงกศีรษะ “เป็นเช่นนี้แน่นอน ที่ประมุขหออันกล่าวมาก็ถูกต้อง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูอันชิงหลิน การวางตัวของหอคลื่นโหมยังคงเหมาะสมอย่างยิ่งยวด
การประลองแห่งจันทราครั้งที่สี่ ฝานชิวคว้าชัยชนะนำมงกุฎแห่งจันทรากลับมาให้หอคลื่นโหม หนึ่งปีมานี้ หอคลื่นโหมมีมงกุฎแห่งจันทราอยู่ตลอดเวลา
เหตุวุ่นวายหลายครั้งที่ปีศาจอัคคีก่อบนทะเลตะวันออก ล้วนมีหอคลื่นโหมกับมงกุฎแห่งจันทรายันอยู่แนวหน้า ทำให้ผู้คนต่างชื่นชม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี