เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะของทั้งสองฝ่าย ที่พำนักที่หอคลื่นโหมจัดเตรียมให้กับสำนักเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จึงตั้งอยู่คนละเกาะ
พร้อมทั้งมีมหาค่ายกลครอบเอาไว้ ถ้าหากระหว่างทั้งสองสำนักเกิดการต่อสู้กัน หอคลื่นโหมก็จะสามารถเข้าไกล่เกลี่ยได้ทันเวลา
บนผิวน้ำทะเลสาบอันไร้ขอบเขต สะท้อนแสงพราวระยับ มีเรือน้อยลำหนึ่งลอยอยู่ ห่างออกไปจากหมู่เกาะอย่างยิ่งยวด
เมื่อเพ่งมองไปโดยรอบจากบนเรือ ก็จะแลเห็นแต่เพียงน้ำในทะเลสาบไร้ที่สิ้นสุด
สตรีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเรือน้อย ด้านหน้ามีขวดมากมายวางอยู่เต็มไปหมด ในมือถืออยู่ด้วยเหล็กแท่งหนึ่ง เสียบนกเล็กที่ผ่าท้องเอาเครื่องในออก และถอนขนออกจนเกลี้ยงแล้วเอาไว้ตัวหนึ่ง
ภายในช่องเก็บข้างกายนางบนเรือลำนี้ ยังมีเหล็กที่เสียบนกน้อยเอาไว้เหมือนกันอยู่อีกหลายแท่ง
หญิงสาวกางนิ้วทั้งห้าออก ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าอากาศตรงหน้า ฟืนจำนวนมากก็ถูกปราณจิตราของนางผูกมัดเอาไว้
นางจุดกองไฟบนเรือ ทว่ากองไฟถูกปราณจิตราของนางโอบรับไว้ ลอยอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ไม่กระทบกับเรือน้อย
หลังจากนั้นนางก็นำนกในมือย่างบนกองไฟอย่างไม่รีบร้อน ทว่าก็ไม่ชักช้า อีกทั้งยังละเลงเครื่องปรุงลงไปด้านบนอย่างเชี่ยวชาญ
ทันใดนั้น มีคนใกล้เข้ามา
หญิงสาวสังเกตเห็นแล้ว ทว่าดาบยาวสีดำเล่มหนึ่งข้างกายก็วางอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ หาได้มีความตั้งใจจะชักดาบออกมาไม่
อีกฝ่ายกระโดดลงเรือเล็ก เห็นหญิงสาวผู้นี้แล้ว ก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่!”
ผู้มาเยือนมีนัยน์ตาใสกระจ่างและมีชีวิตชีวา งามแฉล้มเจริญตา ผู้นี้คือศิษย์สือทอดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งหว่านนั่นเอง
ส่วนสตรีที่อยู่บนเรือ นางปล่อยเรือนผมสยายไปด้านหลัง มุมปากเจือรอยยิ้ม ขณะแววตาทอประกายมีชีวิตชีวา ก็แผ่ราศีอันอาจหาญออกมาด้วย เป็นเฟิงอวิ๋นเซิงที่ได้กราบเป็นศิษย์ภายใต้สำนักเขากว่างเฉิงแล้ว
ครั้นเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นเมิ่งหว่าน นางก็ยิ้มเอ่ย “หว่านเอ๋อร์มาเร็วยิ่งนัก ข้ายังย่างตัวแรกไม่สุกเลย”
ความสุภาพเยือกเย็นในยามปกติของเมิ่งหว่านล้วนไม่พบเห็น เมื่อกระโดดขึ้นมาบนเรือ และนั่งยองอยู่ตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว ภาพลักษณ์ยามปกติก็ไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย ขณะนี้นางมองดูนกน้อยที่เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังย่างอยู่ตาปริบๆ “ศิษย์พี่ ข้าชอบรสชาติจัดหน่อย”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอื้อนเอ่ย “รสชาติที่เจ้าชอบ ข้ารู้แน่นอนอยู่แล้ว”
เมิ่งหว่านยิ้มจนตาหยี มองดูเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นนี้ ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกลับไปยังช่วงเวลาที่ยังคงเป็นเด็ก และเพิ่งเข้าสำนักในเวลานั้น
ฝ่ายเฟิงอวิ๋นเซิงเองก็มองเมิ่งหว่าน พลางทอดถอนใจเอ่ยว่า “ถึงแม้จะเจอกันผ่านร่องรอยกาลเวลาอยู่บ้าง แต่ความเป็นจริงพวกเราไม่ได้พบกันนานถึงสี่ปีกว่าแล้ว เมิ่งเอ๋อร์โตเป็นสาวแล้วนี่”
“นับเป็นสตรีที่เติบโตขึ้นไปแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ยิ่งงามพริ้งขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่?” เมิ่งหว่านยิ้มกล่าว
เฟิงอวิ๋นเซิงหลุดหัวร่อ “แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าชายหนุ่มที่หมายปองเจ้า สามารถตั้งแถวตั้งแต่ยอดเขาเรืองรองเรียงมาจนไปถึงทะเลตะวันออกได้เลย ที่บึงพิภพที่พวกเราอยู่ ศิษย์สืบทอดหลักหอคลื่นโหมหร่วนผิงก็คำนึงหาเจ้าตลอดเวลานี่”
สีหน้าเมิ่งหว่านเรียบเฉย ทว่าดูแล้วกลับมีท่าทีลำพองใจ ราวกับนกยูงตัวน้อยที่เย่อหยิ่งตัวหนึ่ง “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ข้างดงามน่าเอ็นดู แถมยังมีความสามารถ รูปโฉมเพริศพริ้งหาใช่คุยโวไม่ ย่อมเป็นคนรักในฝันของผู้คนมากมายเป็นธรรมดาอย่างไรเล่า”
เมื่อได้ยินคำกล่างหลงตัวเองของนางแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ้มพลางสั่นศีรษะ
มีเพียงแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเฟิงอวิ๋นเซิง กับอาจารย์ของตนเท่านั้น จึงจะสามารถเห็นเมิ่งหว่านในลักษณะนี้ได้
นอกจากนี้แล้ว เมื่อปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าผู้คน รวมถึงในสายตาของคนระดับสูงอย่างหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งลงไปถึงศิษย์เข้าสำนักใหม่ ก็จะเป็นเพียงธิดาสวรรค์ที่สุภาพเยือกเย็นและงามเรียบๆ อ่อนน้อมถ่อมตนมีมารยาท ดีเลิศไร้ที่ติ ไม่ขาดตกบกพร่องอะไร ทำให้ผู้คนวางใจเสมอว่าจะไม่ก้าวพลาดคนนั้น
สีหน้าเมิ่งหว่านคล้ายกับจะไม่สนใจ ทว่าหางคิ้วหางตา ริ้วรอยทุกเส้นบนใบหน้า ราวกับกำลังพูดประหนึ่งโดยไร้สุ้มเสียงอยู่
‘ชมข้าเร็วเข้า ชมข้าเร็วเข้า ชมข้าเร็วเข้า…’
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเมิ่งหว่านด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ในบางด้าน เมิ่งหว่านคล้ายคลึงกับอีกคนหนึ่งอยู่หลายส่วน
เยี่ยนจ้าวเกอ
คนผู้นั้นเปลือกนอกเรียบร้อยน่านับถือ แท้จริงแล้วก็มีธาตุแท้ทระนงอย่างยิ่งเช่นกัน เปิดเผยอย่างยิ่ง ชอบสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่อหน้าคน สร้างความตื่นตะลึงให้คนที่อยู่รอบข้างจนแข็งทื่อดั่งหุ่นไก่อย่างไรเล่า
เช่นเดียวกัน เท่าที่เฟิงอวิ๋นเซิงทราบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ประเมินเมิ่งหว่านไม่ต่ำต้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี