สหายเก่าพบกันหลังจากแยกกันนาน เมื่อได้อยู่ด้วยกันช่วงสั้นๆ แล้ว ก็ต้องแยกจากกัน อย่างไรเสียตอนนี้ทั้งสองฝ่ายล้วนอยู่ภายใต้คนละสำนักกัน
อีกทั้งยังเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ทั้งสองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ครั้นการประลองแห่งจันทราเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ตอนที่ทั้งสองพบกันอีกครั้งต่อหน้าทุกคน ก็ต้องปฏิบัติตัวเหมือนเช่นยามพบหน้ากันครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น
ท่านมองดูข้า ข้ามองดูท่าน หากแสร้งไม่รู้จักกันคงเป็นไปไม่ได้แน่ กระนั้นก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน
เมื่ออยู่หน้าบรรดาผู้อาวุโส หากปฏิบัติน้อยหรือปฏิบัติมากไปจะถูกจับได้ แม้แต่การลอบประสานสายตาของหญิงสาวทั้งสองล้วนไม่มี
บัดนี้ ในการประลองแห่งจันทรา ระหว่างพวกนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ศัตรู
ช่วงเวลาที่ดำเนินการประลองแห่งจันทราคือยามวิกาล วันนี้ที่หอคลื่นโหมแห่งนี้มีสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึมฝน พยับเมฆกระจายหนาแน่น บดบังแสงสว่างของดวงจันทร์และหมู่ดารา ทั่วทั้งฟากฟ้ายามราตีมืดสนิท
ประมุขหอคลื่นโหมอันชิงหลินควบคุมการประลองแห่งจันทราด้วยตัวเอง นางพยักหน้าให้กับฝานชิว สตรีแห่งจันทราของสำนักตนเอง
บัดนี้ฝานชิวไม่ยิ้มแล้ว นางเม้มริมฝีปากเอาไว้ ฟันกระต่ายน้อยๆ คู่หนึ่งก็หายไปไม่พบเช่นกัน
มือหนึ่งนางทำท่ามุทราหมัด ชักเข้าหาช่วงเอว อีกมือหนึ่งรวบนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน ผลักขนานออกไปเบื้องหน้า
ฉับพลันนั้นเหนือศีรษะนางก็มีแสงสว่างส่องประกาย ตามการเคลื่อนไหวนี้ของนาง
ส่องสว่างสุกสกาว เงียบสงัดเยือกเย็นไปทั่วบริเวณ
ทว่าครั้นแสงส่องสว่าง ก็ทำให้ท้องฟ้ายามราตีไม่มืดมิดอีกต่อไป
แสงจันทราที่ราวกับสามารถส่องสว่างแข่งกับดวงอาทิตย์ได้ ปรากฏอยู่บนศีรษะของฝานชิว ภายในแสงจันทรามีมงกุฎสีขาวบริสุทธิ์ที่แปลงมาจากผลึกแก้วแทบจะโปร่งแสง งดงามเรียบง่ายและละเอียดลออ ปรากฏรูปร่างออกมา
พลังปราณอันเก่าแก่วังเวงวิเวกกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายออกมา ไกลลิบและเนิ่นนาน ทำให้ผู้คนหวั่นไหว
แสงกระจ่างแจ้งอันเบาบางสาดกระจายออกมา ในชั่วขณะนี้แสงจันทราราวกับสาดส่องไปทั่วหล้า
เมื่อมงกุฎอันงดงามละเอียดลออที่มีสีขาวบริสุทธิ์มงกุฎนี้ปรากฏขึ้น ก่อเกิดความรู้สึกสัมผัสได้อันแกร่งกล้า ไม่ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันชิงหลินที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด
บัดนี้ทุกคนล้วนถูกดึงความสนใจ ให้มองดูมงกุฎแห่งจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหมือนอาวุธใด
เยี่ยนจ้าวเกอเองก็กำลังเพ่งมองมงกุฎแห่งจันทราอยู่เช่นกัน นอกจากเขาจะคิดไตร่ตรองถึงการประลองแห่งจันทราในขณะนี้แล้ว เขายังนึกถึงเรื่องอื่นบางเรื่องขึ้นมาได้
หลังจากเก็บเสาทางเดินวังเทพที่เกาะทรายในตอนนั้นแล้ว ก็ทำการหลอมกลายสภาพในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น จึงได้เห็นร่องรอยกาลเวลาที่สลักประทับไว้มากมาย
หนึ่งในนั้นมีสตรีลึกลับผู้หนึ่ง ที่หาเสาทางเดินวังเทพเจอก่อนเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่ากลับไม่ได้นำมันไป
บัดนี้ได้ยลมงกุฎแห่งจันทรากับตา และสัมผัสท่วงทำนองพลังในนั้นอย่างใกล้ชิด ก็เพียงพอให้เยี่ยนจ้าวเกอสามารถยืนยันได้ว่า มงกุฎที่ลอยอยู่เหนือศีรษะสตรีที่พบเจออยู่ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกกับเสาทางเดินวังเทพในตอนนั้น ทำให้ตนเองรู้สึกคุ้นตา เพราะมันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ใต้หล้าต่างจับจ้อง ทุกคนต่างช่วงชิงตรงหน้าชิ้นนี้!
เสาทางเดินวังเทพฝังอยู่ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกมาเนิ่นนานแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่าหญิงลึกลับผู้นั้นเป็นคนในยุคสมัยใด
กระนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวังเทพในอดีต จึงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจนางขึ้นมา
หมัดซ้ายที่ฝานชิวเก็บไว้ช่วงเอว ค่อยๆ ต่อยออกมาตรงหน้าอย่างเชื่องช้า
พลังมงกุฎแห่งจันทราเปลี่ยนเป็นเกรียงไกรฉับพลัน ตามการเคลื่อนไหวนี้ของนาง จากนั้นก็ลอยล่องจากเหนือศีรษะฝานชิว ออกไปยังกลางอากาศในสนาม
การเชื่อมประสานกันของฝานชิวกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เริ่มเจือจางลง จนกระทั่งตัดขาดจากกัน
ถึงแม้ว่าแสงจันทราสลัวๆ ยังคงปกคลุมทั้งฟ้าดิน ทว่าความรู้สึกของพลังอันแกร่งกล้าภายในมงกุฎนั่น ก็ค่อยๆ กระจายหายไปแล้วเช่นกัน แม้จะหาได้เสื่อมถอยลงไม่ หากแต่คล้ายกับเข้าสู่สภาวะจำศีลอย่างไรอย่างนั้น
อันชิงหลินกล่าว “ถึงเวลาอันสมควรแล้ว การประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้า เริ่มต้นได้”
พวกผู้อาวุโสเมิ่งและซี่จ้าวจวินได้ยินดังนั้นแล้ว ต่างพยักหน้าให้กับพวกนางเฟิงอวิ๋นเซิงและเมิ่งหว่าน
เหล่าบรรดาสตรีแห่งจันทราที่อยู่ในสนาม รวมถึงฝานชิวที่เพิ่งจะตัดการเชื่อมประสานกับมงกุฎแห่งจันทราเมื่อครู่ ต่างสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ไปรวมตัวอยู่ด้านใต้มงกุฎแห่งจันทราที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลายคนแผดเสียงตะโกนนุ่มนวลจนกลายเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังแหงนหน้าขึ้นมองมงกุฎแห่งจันทรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี