ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 327

สหายเก่าพบกันหลังจากแยกกันนาน เมื่อได้อยู่ด้วยกันช่วงสั้นๆ แล้ว ก็ต้องแยกจากกัน อย่างไรเสียตอนนี้ทั้งสองฝ่ายล้วนอยู่ภายใต้คนละสำนักกัน

อีกทั้งยังเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ทั้งสองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

ครั้นการประลองแห่งจันทราเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ตอนที่ทั้งสองพบกันอีกครั้งต่อหน้าทุกคน ก็ต้องปฏิบัติตัวเหมือนเช่นยามพบหน้ากันครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น

ท่านมองดูข้า ข้ามองดูท่าน หากแสร้งไม่รู้จักกันคงเป็นไปไม่ได้แน่ กระนั้นก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน

เมื่ออยู่หน้าบรรดาผู้อาวุโส หากปฏิบัติน้อยหรือปฏิบัติมากไปจะถูกจับได้ แม้แต่การลอบประสานสายตาของหญิงสาวทั้งสองล้วนไม่มี

บัดนี้ ในการประลองแห่งจันทรา ระหว่างพวกนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ศัตรู

ช่วงเวลาที่ดำเนินการประลองแห่งจันทราคือยามวิกาล วันนี้ที่หอคลื่นโหมแห่งนี้มีสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึมฝน พยับเมฆกระจายหนาแน่น บดบังแสงสว่างของดวงจันทร์และหมู่ดารา ทั่วทั้งฟากฟ้ายามราตีมืดสนิท

ประมุขหอคลื่นโหมอันชิงหลินควบคุมการประลองแห่งจันทราด้วยตัวเอง นางพยักหน้าให้กับฝานชิว สตรีแห่งจันทราของสำนักตนเอง

บัดนี้ฝานชิวไม่ยิ้มแล้ว นางเม้มริมฝีปากเอาไว้ ฟันกระต่ายน้อยๆ คู่หนึ่งก็หายไปไม่พบเช่นกัน

มือหนึ่งนางทำท่ามุทราหมัด ชักเข้าหาช่วงเอว อีกมือหนึ่งรวบนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน ผลักขนานออกไปเบื้องหน้า

ฉับพลันนั้นเหนือศีรษะนางก็มีแสงสว่างส่องประกาย ตามการเคลื่อนไหวนี้ของนาง

ส่องสว่างสุกสกาว เงียบสงัดเยือกเย็นไปทั่วบริเวณ

ทว่าครั้นแสงส่องสว่าง ก็ทำให้ท้องฟ้ายามราตีไม่มืดมิดอีกต่อไป

แสงจันทราที่ราวกับสามารถส่องสว่างแข่งกับดวงอาทิตย์ได้ ปรากฏอยู่บนศีรษะของฝานชิว ภายในแสงจันทรามีมงกุฎสีขาวบริสุทธิ์ที่แปลงมาจากผลึกแก้วแทบจะโปร่งแสง งดงามเรียบง่ายและละเอียดลออ ปรากฏรูปร่างออกมา

พลังปราณอันเก่าแก่วังเวงวิเวกกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายออกมา ไกลลิบและเนิ่นนาน ทำให้ผู้คนหวั่นไหว

แสงกระจ่างแจ้งอันเบาบางสาดกระจายออกมา ในชั่วขณะนี้แสงจันทราราวกับสาดส่องไปทั่วหล้า

เมื่อมงกุฎอันงดงามละเอียดลออที่มีสีขาวบริสุทธิ์มงกุฎนี้ปรากฏขึ้น ก่อเกิดความรู้สึกสัมผัสได้อันแกร่งกล้า ไม่ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันชิงหลินที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด

บัดนี้ทุกคนล้วนถูกดึงความสนใจ ให้มองดูมงกุฎแห่งจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหมือนอาวุธใด

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็กำลังเพ่งมองมงกุฎแห่งจันทราอยู่เช่นกัน นอกจากเขาจะคิดไตร่ตรองถึงการประลองแห่งจันทราในขณะนี้แล้ว เขายังนึกถึงเรื่องอื่นบางเรื่องขึ้นมาได้

หลังจากเก็บเสาทางเดินวังเทพที่เกาะทรายในตอนนั้นแล้ว ก็ทำการหลอมกลายสภาพในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น จึงได้เห็นร่องรอยกาลเวลาที่สลักประทับไว้มากมาย

หนึ่งในนั้นมีสตรีลึกลับผู้หนึ่ง ที่หาเสาทางเดินวังเทพเจอก่อนเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่ากลับไม่ได้นำมันไป

บัดนี้ได้ยลมงกุฎแห่งจันทรากับตา และสัมผัสท่วงทำนองพลังในนั้นอย่างใกล้ชิด ก็เพียงพอให้เยี่ยนจ้าวเกอสามารถยืนยันได้ว่า มงกุฎที่ลอยอยู่เหนือศีรษะสตรีที่พบเจออยู่ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกกับเสาทางเดินวังเทพในตอนนั้น ทำให้ตนเองรู้สึกคุ้นตา เพราะมันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ใต้หล้าต่างจับจ้อง ทุกคนต่างช่วงชิงตรงหน้าชิ้นนี้!

เสาทางเดินวังเทพฝังอยู่ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกมาเนิ่นนานแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่าหญิงลึกลับผู้นั้นเป็นคนในยุคสมัยใด

กระนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวังเทพในอดีต จึงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจนางขึ้นมา

หมัดซ้ายที่ฝานชิวเก็บไว้ช่วงเอว ค่อยๆ ต่อยออกมาตรงหน้าอย่างเชื่องช้า

พลังมงกุฎแห่งจันทราเปลี่ยนเป็นเกรียงไกรฉับพลัน ตามการเคลื่อนไหวนี้ของนาง จากนั้นก็ลอยล่องจากเหนือศีรษะฝานชิว ออกไปยังกลางอากาศในสนาม

การเชื่อมประสานกันของฝานชิวกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เริ่มเจือจางลง จนกระทั่งตัดขาดจากกัน

ถึงแม้ว่าแสงจันทราสลัวๆ ยังคงปกคลุมทั้งฟ้าดิน ทว่าความรู้สึกของพลังอันแกร่งกล้าภายในมงกุฎนั่น ก็ค่อยๆ กระจายหายไปแล้วเช่นกัน แม้จะหาได้เสื่อมถอยลงไม่ หากแต่คล้ายกับเข้าสู่สภาวะจำศีลอย่างไรอย่างนั้น

อันชิงหลินกล่าว “ถึงเวลาอันสมควรแล้ว การประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้า เริ่มต้นได้”

พวกผู้อาวุโสเมิ่งและซี่จ้าวจวินได้ยินดังนั้นแล้ว ต่างพยักหน้าให้กับพวกนางเฟิงอวิ๋นเซิงและเมิ่งหว่าน

เหล่าบรรดาสตรีแห่งจันทราที่อยู่ในสนาม รวมถึงฝานชิวที่เพิ่งจะตัดการเชื่อมประสานกับมงกุฎแห่งจันทราเมื่อครู่ ต่างสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ไปรวมตัวอยู่ด้านใต้มงกุฎแห่งจันทราที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลายคนแผดเสียงตะโกนนุ่มนวลจนกลายเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังแหงนหน้าขึ้นมองมงกุฎแห่งจันทรา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี