ภายในกระสวยเบิกดินแดนที่ลอยล่องอยู่ในทะเลลึก เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ภายในนั้น มือทั้งสองผนึกกันเป็นมุทรา รวมอยู่บริเวณจุดตันเถียนตรงท้องน้อย
ระหว่างที่ปราณจิตราไหลเวียนทั่วร่างกาย ก็ยิ่งหนาหนักและทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ วนเวียนอยู่ภายในร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอตลอดเวลา
คล้ายกับว่ากระแสปราณที่ราวกับธาตุอากาศสลัว ค่อยๆ ขุ่นมัวขึ้นและหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
หนักอึ้งราวกับผืนแผ่นดินใหญ่อย่างไรอย่างนั้น สามารถรับน้ำหนักทุกสรรพสิ่งได้ และโอบอุ้มบ่มเพาะทุกสรรพสิ่งได้เช่นเดียวกัน
มหาปรมาจารย์ขั้นหนึ่ง ขั้นขั้นซ่อนจิตระยะต้น มีลักษณะพิเศษอยู่ที่ปราณจิตราซึ่งอิ่มเอิบด้วยพลังชีวิต ละรูปภายนอกกลับคืนสู่สภาพดั้งเดิม กลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับดินอย่างไรอย่างนั้น
ดินที่บ่มเพาะจิตวิญญาณวิถีวรยุทธ์ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าดินวิเศษ
บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอขับเคลื่อนวิชาที่ตนร่ำเรียน หลอมรวมปราณจิตราแล้วแปลงสภาพ ประหนึ่งดินที่อุดมสมบูรณ์เป็นพันลี้ รอคอยเพียงการเพาะเมล็ดพันธุ์
ถ้าหากเป็นวิชาเอกบริสุทธ์สายสำนักเขากว่างเฉิง แท้จริงแล้วตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอสามารถหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิเศษออกมา ย่างเหยียบสู่ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะกลางได้แล้ว
ทว่าเมล็ดพันธุ์วิเศษที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการ หาได้ใช้วิชาเอกพิสุทธิ์เป็นรากฐานไม่ หากแต่จะต้องใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเป็นรากฐาน
เมื่อทำเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมมีความยากขึ้นอย่างมาก เยี่ยนจ้าวเกอต้องคิดทบทวนไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง จำเป็นต้องให้ลงตัวและสมบูรณ์แบบ
บนเส้นทางล่องเรือสู่ทะเลเหนือ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอจะควบคุมกระสวยเบิกดินแดนแล้ว ยังใช้เวลาเร่งทุ่มกำลังกับการฝึกฝนของตนเองตลอดเวลา
อาหู่ที่เดินทางติดตามมาด้วย ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเยี่ยนจ้าวเกอ จึงสามารถควบคุมกระสวยเบิกดินของโดยส่วนใหญ่ได้แล้วเช่นกัน
ในตอนที่อาหู่ถือท้ายเรือ เยี่ยนจ้าวเกอก็จะนั่งสมาธิบำเพ็ญฝึกฝน
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอหยุดบำเพ็ญลงชั่วคราว เขาก็รับช่วงต่อจากอาหู่ ให้อีกฝ่ายพักผ่อนชั่วคราว
กล่าวว่าพักผ่อน ทว่าอาหู่ก็กระทำเหมือนเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ นั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งสองข้างลง แล้วตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝน
ระหว่างที่เขากำหนดลมหายใจขับพิษ ก็เห็นปราณสีดำหลากสายพุ่งออกมาจากภายในจมูกและปาก ไม่ใช่หมอกควันแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับกระแสลม
เนื่องจากอาหู่กลืนเข้าและคายออกตลอดเวลา จึงดูเหมือนว่ารอบกายพัดกระพือลมพายุสีดำขนาดย่อม ค่อยๆ โอบล้อมเขาเอาไว้
ทั้งสองคนสลับหมุนเวียนกันไป โดยใช้วิธีเปลี่ยนกะเช่นนี้ ฝึกฝนบำเพ็ญไปพลาง ข้ามผ่านทะเลตะวันออกและทะเลเหนือ มุ่งหน้าสู่แดนเหนือไปพลาง
วันหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเป็นผู้ถือท้ายเรือ ควบคุมกระสวยเบิกดินแดนโผล่ขึ้นมาสู่ผิวน้ำทะเล
ขณะนี้อยู่ที่ทะเลเหนือ บนผิวน้ำเต็มไปด้วยน้ำแข็งลอยล่องไปทั่วทั้งผืน ลมเย็นยะเยือกหลายสายพัดโชยผ่านทั่วบริเวณ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์เช่นเยี่ยนจ้าวเกอนี้ ล้วนยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเข้ากระดูก
ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไปหรือจอมยุทธ์ระดับหลอมกาย ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็ยังสามารถถูกทำให้หนาวตายได้จริงๆ
ซึ่งสถานนี้ ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ชายขอบของแดนเหนือเท่านั้น
แดนเหนือถูกขนานนามว่าสถานที่อันเลวร้ายเช่นเดียวกับมหาทะเลทรายแดนตะวันตก วังสุสานทุ่งร้างแดนใต้และอื่นๆ
เยี่ยนจ้าวเกอหันหน้ากลับไปมองอาหู่ เขาเห็นว่าระหว่างที่อาหู่กลืนเข้าและคายปราณจิตราออกรอบกาย ลมสีดำหลากสายก็ทะลักออกมาเหนือร่างเขา
จุดลมปราณทั่วร่างอาหู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากำลังเปิดปิดพร้อมกัน ทุกๆ จุดลมปราณราวกับมีประตูบานหนึ่ง เมื่อประตูปิด คลื่นนิ่งลมสงบ แต่เมื่อประตูเปิด ภายในพลันมีลมกระโชกเหมือนพายุนิมิตทมิฬอันน่าพรั่นพรึงพัดออกมาภายนอก
เฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ ขณะนี้อาหู่ได้มาถึงด่านสุดท้ายแล้วเช่นกัน
ดินวิเศษสำเร็จสมบูรณ์อย่างยิ่งแล้ว รอเพียงออกผลเมล็ดพันธุ์ของตนเองออกมา ก็สามารถย่างเหยียบระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสอง ขั้นซ่อนจิตระยะกลางได้สำเร็จ
ทว่า อาหู่ก็ไม่ได้รีบร้อนจะสืบเท้าออกจากขั้นนี้ ยังคงกำลังขัดเกลาตนเองอย่างละเอียด
เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาแวบหนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ปล่อยความคิดให้นิ่งลงสักหน่อย ต้องใช้จิตใจที่เงียบสงบ ขับเคลื่อนธาตุลมที่ระส่ำระสาย เปลี่ยนพลังปราณแห่งฟ้าดินเป็นวัตถุนิ่ง สุดท้ายกลับจะสามารถระเบิดพลังอันเหี้ยมโหดอีกทั้งน่าตื่นตะลึง ประหนึ่งกับคลื่นคลั่งออกมาได้”
“การเคลื่อนไหวกับความสงบ เป็นแก่นแท้ของมัน”
อาหู่นั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่ภายในกระสวยเบิกดินแดน ดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ทว่าก็ผงกศีรษะเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี