ณ ที่ราบหิมะแดนเหนือ มีทะเลสาบน้ำแข็งมหึมาตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ บนพื้นผิวทะเลสาบมีน้ำแข็งจับตัวกันเป็นแพยาวทั้งหมด ทว่าใต้น้ำแข็งยังคงส่องแสงสะท้อนวาบวับอยู่รำไร
ทั้งหมดดูเหมือนว่าสงบเงียบอย่างมาก หากแต่ใจกลางทะเลสาบน้ำแข็ง กลับมีคนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่บนผิวน้ำแข็ง
ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นสวมอาภรณ์ของศิษย์สืบทอดสายหลักตำหนักอัสนีสวรรค์ไว้ สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง แฝงเอาไว้ด้วยแววอึมครึม เป็นหลินโจว ‘คุณชายฟ้าคำรน’ นั่นเอง
ถึงแม้ว่าหลินเทียนเฟิง บิดาของเขาจะสิ้นชีพไปแล้ว ทว่าความสามารถและศักยภาพที่หลินโจวแสดงออกมา ก็เพียงพอให้ทั้งตำหนักอัสนีสวรรค์ให้ความสำคัญแล้ว การจากไปของผู้เป็นบิดาจึงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อฐานะของเขาในตำหนักอัสนีสวรรค์
หลินโจวมองดูเบื้องหน้า บนผิวน้ำถูกขุดเป็นโพรงแล้ว เผยให้เห็นน้ำทะเลสาบอันเย็นเฉียบเรืองแสงสีเขียว
ชั่วครู่ มีเงาคนผุดขึ้นมาจากใต้น้ำ กระโดดออกมาจากผิวน้ำขึ้นมาบนชั้นน้ำแข็ง
คนผู้นี้มีไอร้อนระอุลอยขึ้นทั่วสรรพางค์กาย เพื่อขับไล่ความเย็นยะเหยือกออกไป
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่คนนี้หันหน้ากลับไปมองหลินโจว “ที่แห่งนี้มีความแปลกประหลาดจริงๆ แต่หาร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งในตำนานไม่พบ”
“หากคิดจะเปิดที่นี่ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องใช้ของวิเศษบางอย่าง หรือวิธีพิเศษบางอย่าง”
เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม “หลินโจว ในเมื่อเจ้าได้รับข่าวมา รู้หรือว่าในนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร?”
หลินโจวมองดูทะเลสาบน้ำแข็งใต้เท้าเงียบๆ
ในความทรงจำของเขา การที่ร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งปรากฏขึ้นมาบนโลก เดิมทีน่าจะเป็นศิษย์เขากว่างเฉิงนามว่าเยี่ยจิ่งผู้นั้นเป็นคนขุดค้น
หากแต่เท่าที่เขารู้ตอนนี้ เยี่ยจิ่งคนนั้นตายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว รายละเอียดเหตุการณ์เป็นเรื่องที่อยู่ภายในสำนักเขากว่างเฉิง เขามีฐานะเป็นศิษย์ตำหนักอัสนีสวรรค์ ยากอย่างยิ่งที่จะล่วงรู้เหตุการณ์โดยละเอียด
ทว่าเค้าลางต่างๆ นานาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เกินกว่าครึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอ
เมื่อนึกถึงชื่อนี้ขึ้นมา ประกายตาของหลินโจวก็ทอประกายวับวาบเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว หากแต่แววตาทวีความเย็นเยียบยิ่งขึ้น
ไม่เหมือนเช่นห้องสุสานของการุณยบุรุษในตอนนั้น หลินโจวรู้ภายหลังว่าภายในนั้นผ่านการวางกับดักเอาไว้ก่อนแล้ว
สำหรับร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็ง หลินโจวแค่เพียงเคยได้ยินข่าวสาร รู้ตำแหน่งสถานที่ ที่เหลือนอกจากนั้นทำได้เพียงปรับเปลี่ยนตามโอกาส หลังจากถึงสถานที่แล้ว
เขาเปิดปากกล่าว น้ำเสียงแหบพร่าอยู่บ้างเล็กน้อย “มีเค้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสือเถี่ย ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเขากว่างเฉิงที่ปัจจุบันได้สิ้นชีพไปแล้ว เคยรีบมุ่งหน้ามายังพื้นที่แถบทะเลเหนือกับที่ราบหิมะแดนเหนือแห่งนี้ เมื่อปีสองปีก่อน สำนักเขากว่างเฉิงเองก็กำลังจับตามองร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็งทางฝั่งนี้เช่นกัน”
“บางที่พวกเขาอาจจะมีเบาะแสส่วนหนึ่งอยู่ในมือ”
หลินโจวย่ำเท้าบนผิวน้ำแข็ง “สภาพแวดล้อมพิเศษของที่ราบหิมะแดนเหนือ มีสภาพอากาศอันแปลกประหลาดเคลื่อนที่อยู่เสมอ ทำให้ร่องรอยที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งเอาไว้ที่นี่ เคลื่อนย้ายไปชีพจรดินและปราณวิญญาณ ราวกับปลาแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น”
“มีเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้ร ที่จะอยู่ในสภาวะสงบนิ่งชั่วคราว สะดวกต่อการกำหนดตำแหน่งค้นหา พื้นที่ที่หยุดนิ่งหนนี้ ก็อยู่ใต้เท้าพวกเรานี่เอง”
เขาเอ่ยอีกว่า “คนของสำนักเขากว่างเฉิงรอมาใกล้จะสองปีแล้ว แล้วก็กำลังรอเวลานี้เช่นกัน พวกเขาจะต้องมาค้นหาเป็นแน่แท้”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นมุ่นคิ้ว “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้มงกุฎแห่งจันทราไปแล้ว จึงมีโอกาสได้ผ่อนลมหายใจอีกครั้ง ตอนนี้นอกจากหอคลื่นโหมแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งห้าตกอยู่ในสภาวะคุมเชิงกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้ใดต่างก็จะไม่ผ่อนสบายง่ายๆ ไม่ว่าจะสำนักเราหรือสำนักเขากว่างเฉิง เป็นไปได้ว่าจะงส่งคนไม่กี่คนมาก็เท่านั้น”
หลินโจวกล่าวเสียงเบา “ถึงอย่างไรสำนักเราก็มีอำนาจครองดินแดนทางเหนือมาหลายปี ในด้านชายแดนติดกันยังมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง น่าเสียดายที่สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เหมาะแก่การซุ่มโจมตี ไม่เช่นนั้นก็สามารถรออยู่เฉยๆ ให้สำนักเขากว่างเฉิงส่งคนมา แล้วค่อยแย่งของจากมือพวกเขามา ก็จะเปิดที่นี่ได้แล้ว”
ชายวัยกลางคนดึงสีหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าค้นหาอย่างระมัดระวังไปแล้ว หวังว่าพวกเขาจะมาจริงๆ อย่างที่เจ้าว่าก็แล้วกัน”
…
เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง พลางทอดสายตามองไกลออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี