เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองธารแสงสีฟ้าตรงหน้า “บรรพบุรุษผู้อาวุโสใช้วิธีการอะไร ข้าเองก็ไม่อาจยืนยัน หากแต่ในความคิดข้า ก็คงใช้สิ่งของเหล่านี้แหละ”
ครั้นสิ้นเสียงกล่าว เขาก็หยิบหินผาสีแดงเพลิงก้อนหนึ่ง วางลงไปใจกลางค่ายกลที่ตนเองตั้งขึ้น
หินผาก้อนนั้นทอประกายระยิบระยับ ราวกับมีชีวิตกำลังหายใจอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มเอ่ยว่า “ตอนที่พวกอาจารย์ปู่บุกโจมตีโต้ที่อัคคีพิภพ ข้าขอให้พวกเขาตั้งใจหาสิ่งของหลายอย่างเหล่านี้เป็นพิเศษ แล้วก็สามารถนำกลับมาได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในนั้นก็คือของสิ่งนี้ ผลึกแก่นเพลิง เป็นผลจากการเกาะผนึกของแก่นเพลิงใต้ปฐพีขึ้นอีกขั้น”
“อีกทั้งจำเป็นต้องเป็นก้อนผลึกแก่นเพลิงที่ผลิตออกมาจากวังสุสานทุ่งร้างแดนใต้”
เขาตั้งค่ายกลต่อไปอย่างต่อเนื่อง “เมื่อใช้ของสิ่งนี้ เสริมด้วยวิธีการอื่นอีก ก็จะสามารถปิดผนึกวังสุสานทุ่งร้างแดนใต้ไว้ได้”
อาหู่คอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ “แต่ว่าคุณชายขอรับ การที่ต้องการก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงลักษณะพื้นภูมินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้ระดับพลังฝึกปรือของพวกเรามีค่ายกลคอยช่วย เกรงว่าก็คงทำไม่ได้กระมัง? ถึงอย่างไรค่ายกลนี้ก็ไม่ใช่มหาค่ายกลนภาคุ้มกันเขากว่างเฉิงนี่”
“พวกเราตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่นี่ก่อน แล้วค่อยรอให้ประมุขตระกูลหรือพวกท่านเจ้าสำนักรุ่นก่อนมาไม่ดีกว่าหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นแล้วก็กล่าวตอบ “พวกท่านพ่อกับอาจารย์ปู่กำลังคุมเชิงกับพวกหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่ ปลีกตัวออกมาไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้ปลีกตัวมุ่งหน้ามายังแดนเหนือ ก็จะถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นเช่นกัน ถึงเวลานั้นอีกฝ่ายอาจจะขัดขวาง หรือไม่ก็หันมาบุกโจมตีพื้นที่ใจกลางสำนักเราได้ เช่นนั้นได้ไม่คุ้มเสีย”
“เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนกระทำก็พอ”
ชายหนุ่มยิ้ม “ส่วนจะทำให้ได้ได้อย่างไร การที่จะอาศัยพลังความสามารถของข้าในตอนนี้เพียงอย่างเดียว แน่นอนไม่อาจใช้ได้ หากแต่ข้ามีแนวคิดหนึ่ง บางทีอาจจะสามารถทดลองได้สักหน่อย ถ้าสำเร็จล่ะก็ พวกเรามหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตสองคน ไม่แน่ว่าก็อาจจะสามารถกระทำเรื่องใหญ่ให้สำเร็จได้”
ขณะเยี่ยนจ้าวเกอพูด เขาก็พลันหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา กลับเป็นเตาเครื่องหอมขนาดเล็กสีดำใบหนึ่ง
ซึ่งก็คือเตากลืนดินนั่นเอง
อาหู่มองดูเตาเครื่องหอมใบเล็ก พลางกะพริบตาปริบๆ “คุณชาย ข้าน้อยจำได้ว่าท่านได้ของสิ่งนี้มา ตอนที่สังหารเจ้าเด็กน้อยนามว่าจ้าวฮ่าวคนนั้น ในเหตุการณ์แดนมารบนทะเลสาบปิดนภา”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ขณะนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ของวิเศษชิ้นนี้สามารถดูดสรรพสิ่งเข้าไปได้ บรรจุเอาไว้ด้วยพลังทำลายล้างที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง การทดลองที่ข้าจะทำ ก็คือดูว่ามันจะสามารถทนพลังความเย็นอันน่าครั้นคร้ามของแก่นน้ำแข็งของใยดินได้หรือไม่”
ชายร่างใหญ่เอื้อนเอ่ยอย่างเนิบช้า “แต่ในความทรงจำของข้าน้อย ท่านบอกว่าไม่อาจควบคุมของสิ่งนี้ได้อย่างคล่องแคล่วตลอดมา”
“ถูกต้อง กระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ของวิเศษชิ้นนี้ทำได้เพียงเป็นฝ่ายดูดซับการโจมตีเข้าหาพลังของมันเองเท่านั้น ข้าไม่สามารถควบคุมให้มันทำอะไรได้” เยี่ยนจ้าวเกอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “แต่มีคำโบราณว่าเอาไว้ได้ดี สิ่งของนั้นตายแล้ว แต่คนยังมีชีวิตอยู่ ใช้สมองเสียสิ”
เยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดหนึ่งลงไปบนพื้น ลมกระโชกจากเจตจำนงหมัดปลุกค่ายกลขึ้นมา ฉับพลันนั้นก็ปรากฏแสงเพลิงขึ้น
พลังความร้อนกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากภายในโพรงน้ำแข็งใต้บาดาลแห่งนี้ โดยมีค่ายกลเป็นศูนย์กลาง
เมื่อธารแสงสีฟ้าถูกพลังความร้อนเหล่านี้ จากเดิมที่รินไหลอย่างสงบเงียบราวกับไร้อันตราย ก็เปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่งขึ้นมาในบัดดล!
ไอเย็นอันน่าพรั่นพรึงที่ทำให้รู้สึกชาไปทั่วร่างกาย ปะทุออกมาจากแก่นน้ำแข็งของใยดิน จากนั้นไอหมอกสีฟ้าน้ำแข็งหลายสายก็ม้วนขึ้นมาทางค่ายกลที่เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ ราวกับจะดับเปลวเพลิงน้อยๆ นี้ให้มอดไป
อาหู่อ้าปากตาค้าง “คุณชาย…”
ในขณะที่สายตาเยี่ยนจ้าวเกอจดจ้องเตากลืนดินไม่วางตา เขาก็นำกระสวยเบิกดินแดนออกมาอีกครั้ง เพียงแค่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็จะลากอาหู่ให้ถอยออกไปก่อนทันที
ทว่าเตากลืนดินไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังแต่อย่างใด
เตาเครื่องหอมขนาดเล็กสีดำที่ดูเหมือนไม่สะดุดตาใบนั้น ระเบิดพลังอันน่าตื่นตะลึงออกมา ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับการบุกเข้าโจมตีของไอหมอกสีฟ้าน้ำแข็ง ก็ดูดกลืนหมอกน้ำแข็งเข้าไปภายในมหาศาลด้วยเช่นกัน
นั่นประหนึ่งกับหลุมดำอย่างไรอย่างนั้น กลืนกินหมอกน้ำแข็งระลอกแล้วระลอกเล่าด้วยความละโมบ มีท่าทีราวกับอ้อยเข้าปากช้าง
เมื่อการเริ่มต้นครั้งแรกนี้เริ่มขึ้น ก็พลันเห็นว่าภายในแก่นน้ำแข็งใยดิน มีธารแสงสีฟ้าเป็นเส้นๆ ถูกฉุดดึงออกมา หลอมรวมเข้าไปภายในหมอกน้ำแข็ง และถูกเตากลืนดินดูดกลืนเข้าไปพร้อมกัน
อาหู่ตกตะลึง “ของเล็กๆ ชิ้นนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่แก่นน้ำแข็งใยดินก็ยังสามารถดูดเข้าไปได้ จะไม่ถึงจุดเยือกแข็งจนแตกใช่หรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาเพ่งมองเตากลืนดินเช่นเดียวกัน รำพึงรำพันว่า “นั่นน่ะสิ ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ แม้ข้าจะคาดเดาไว้ว่ามันน่าจะสามารถทนไหว แต่หลังจากยืนหยัดจุดนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่ออยู่บ้างเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี