เซียวเซิงถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนถอยกลับไป ส่วนลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านข้างกำลังมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าตกใจ
ชายหนุ่มเอาชนะเฉาหยวนหลง แล้วยังทำให้เซียวเซิงถอยกลับไปในระยะเวลาสั้นๆ ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ เยี่ยนจ้าวเกอถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่อาจมีใครเทียบเทียมได้
ถ้าจะบอกว่าการประลองชนะเฉาหยวนหลงก่อนหน้านี้ เป็นแค่การประลองของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันล่ะก็ คู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้าในครั้งนี้เป็นถึงเซียวเซิง ผู้มีระดับวรยุทธ์สูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าหนึ่งระดับ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะเซียวเซิงใช้วิธีการประลอง ที่ควบคุมปราณจิตราของตนเองให้ลดลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเยี่ยนจ้าวเกอก็ตาม
แต่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับสูงสุดก็ยังคงเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับสูงสุด ด้วยถูกกำหนดไว้ว่ามีโลกทัศน์ ประสบการณ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับวรยุทธ์มากกว่าปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับต้น
ขณะที่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับต้นบางคนเพิ่งเริ่มสัมผัส หรือยังไม่เคยได้สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์ แต่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับสูงสุดกลับรู้แน่ชัดทุกอย่างในใจแล้ว
ระยะห่างเหล่านี้ ยิ่งเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ในการต่อสู้จริง
ถึงจะมีพลังเหมือนกัน ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นใช้พลังเพียงหนึ่งส่วน แต่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายอาจใช้พลังถึงห้าหรือหกส่วน หรือกระทั่งแปดถึงสิบส่วนก็เป็นได้
แต่การประลองเมื่อครู่นี้ ผลลัพธ์คือเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าหนึ่งขั้น บีบเค้นจนเซียวเซิงต้องกลืนคำพูดตนเอง แลกกับฉากจบที่ไม่น่าภาคภูมิใจนัก
หากเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎตัวที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสำนักเขากว่างเฉิง และประมือกับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระดับสูงสุดที่มีวรยุทธ์ค่อนข้างธรรมดา เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ คนทั่วไปอาจยอมรับได้ง่ายกว่า
ทว่าคู่ต่อสู้คือเซียวเซิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ นั่นจึงมีความหมายที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เพราะอย่างไรตัวเซียวเซิงก็เคยเป็นอัจฉริยะขั้นปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระยะต้น ที่เคยเอาชนะปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระดับกลางด้วยระดับวรยุทธ์ในขณะนั้น
ตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวเดียวที่แกะสลักมาจากไม้ มันเปราะบางมากเมื่อเปรียบเทียบกับปราณจิตราของจอมยุทธ์ แต่ภายใต้การควบคุมของเขา กลับดูราวกับคนที่มีชีวิตอยู่จริง และยังเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์แก่กล้าอีกด้วย
ต่อให้เป็นตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทำการโจมตีครั้งหนึ่งภายใต้การควบคุมการของเซียวเซิง นอกจากซือคงจิงแล้ว ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงระดับยุทธ์หลอมกายคงไม่มีใครสามารถรับไว้ได้
แต่อัจฉริยะที่เป็นคนในรุ่นเดียวกันเช่นนี้ กลับเป็นเหมือนกับเฉาหยวนหลงที่แหลกเหลวเป็นเม็ดทรายอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ทุกคนตกตะลึงได้อย่างไร?
ซือคงจิงมองดูเศษเสี้ยวของตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่ตกอยู่บนพื้น แววตาสั่นไหวเล็กน้อย คล้ายกับว่าเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ
“หญิงสาวผู้นี้ดูมีใจที่ฝักใฝ่ในการฝึกฝนวรยุทธ์วิชา” เยี่ยนจ้าวเกอมองนางครั้งหนึ่ง ยิ้มและส่ายหัวอย่างห้ามไม่ได้ “เจ้าก็บรรลุขั้นประจักษ์กายามาพักหนึ่งแล้ว จะบรรลุระดับปรมาจารย์ก็เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น”
“เปลี่ยนลมปราณให้เป็นปราณจิตรา มีวิธีการฝึกฝนคือการทวนทิศทางของลมปราณ แล้วกลั่นลมปราณให้เป็นปราณจิตรา ผู้ใหญ่ในสำนักก็คงเคยชี้แนะเจ้าไปแล้ว”
“แต่ว่าตอนที่เจ้าทำการทวนทิศทางของลมปราณ ลองใช้จังหวะเท็จจริงเท็จจริงเท็จเท็จเท็จจริงแบบนี้ดู”
ซือคงจิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่เข้ามาทีหลังก็เงี่ยหูตั้งใจฟังเช่นกัน
ขณะนี้พวกเขารู้สึกเคารพเยี่ยนจ้าวเกอมากยิ่งกว่าผู้อาวุโสบางคนในสำนักเสียอีก
การที่ได้รับการชี้แนะในการฝึกฝนจากเยี่ยนจ้าวเกอ และยังเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ใช้บรรลุจากระดับยุทธ์หลอมกายถึงระดับปรมาจารย์ด้วยแล้ว ทุกคนจึงรักษาโอกาสไว้อย่างดี
จากจอมยุทธ์ระดับยุทธ์หลอมกายบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ สำหรับคนที่ทำการฝึกฝนวรยุทธ์ทั่วทั้งโลกแปดพิภพแล้ว ต่างก็เป็นหุบเหวขวางกั้นที่ใหญ่มาก
ระดับความยากนั้นมากกว่าการบรรลุจากขั้นชักจูงลมปราณระยะกลางถึงขั้นชักจูงลมปราณระยะท้าย หรือจากขั้นชักจูงลมปราณระยะท้ายถึงขั้นประจักษ์นภาเสียอีก
กระทั่งอาจจะยากยิ่งกว่าการบรรลุจากระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะกลาง ถึงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะท้าย หรือระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะท้ายถึงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นด้วยซ้ำ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง การประสบความสำเร็จในระดับปรมาจารย์นั้น ก็เท่ากับได้พัฒนาความสามารถจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วย
ซึ่งมีรากฐานที่ต้องการที่ประสบความสำเร็จในระดับปรมาจารย์สำเร็จอย่างแรงกล้า และจำเป็นต้องฝึกปราณให้เป็นจิตรา เปลี่ยนลมปราณเป็นปราณจิตรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี