ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 341

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในโพรงน้ำแข็ง เตากลืนดินที่อยู่ตรงหน้ายังคงกลืนกินไอเย็นของแกนน้ำแข็งใยดินอยู่ตลอดเวลา

เขารองเครื่องหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ในมือ

บัดนี้เครื่องหยกที่อยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ส่องแสงออกมาอีกครั้ง ภายในนั้นยังส่องประกายแสงสีฟ้าน้ำแข็งวับวาบอีกด้วย

ชายหนุ่มถือเครื่องหยกเอาไว้ แล้วกรอกปราณจิตราของตนเองเข้าไปภายในทีละน้อย

แกนน้ำแข็งใยดินที่ได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานาน ขณะนี้ก็กำลังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างยิ่งต่อไปเรื่อยๆ

การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยปานนี้ เหมือนเช่นการเปลี่ยนเส้นทางน้ำไหลก็ไม่ปาน ทว่ากลับกำลังก่อเกิดความรู้สึกหนักอึ้งอันเต็มเปี่ยมไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากธรรมชาติโดยแท้จริง

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพฉากนี้เงียบๆ คิดอยากจะเปลี่ยนเส้นทางไหลของพลังปราณไปอีกที่หนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ยากแสนเข็ญอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังวางแผนที่จะย้ายผ่านจากแกนน้ำแข็งใยดินของสุดขอบแดนเหนือ ไปส่งผลกับแกนไฟใยดินของแดนใต้

ขอเพียงแค่สามารถแตะต้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะมีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่

ชายหนุ่มตั้งใจสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของแกนน้ำแข็งใยดิน ขณะเดียวกันก็ไตร่ตรองในใจว่า ‘อีกเพียงนิดเดียวก็สามารถเกิดผลได้แล้ว’

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เส้นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ย้ายมาบนเตากลืนดินอีกครั้ง ของวิเศษชิ้นนี้ที่ได้มาหลังจากสังหารจ้าวฮ่าวในตอนนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย

เตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กมีประสิทธิผลเหมือนกับกลืนผืนฟ้ากลืนแผ่นดินเข้าไปจริงๆ แม้จะดูดกลืนแกนน้ำแข็งใยดินเข้าไปมากมายขนาดนั้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังสามารถรับไหว

อีกทั้ง หลังจากดูดกลืนไอเย็นไปจำนวนมากแล้ว เตากลืนดินใบก็เหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

ครุ่นคิดดูแล้วก็มีบางส่วนไม่ถูกต้อง ทว่าถ้าหากเตากลืนดินมีชีวิตล่ะก็ เยี่ยนจ้าวเกอสามารถรู้สึกได้ถึงความคิดประเภทไม่สะทกสะท้าน และทำเรื่องหนักเหมือนเรื่องเบามาจากมัน

ตอนนี้มันเป็นเพียงฝ่ายดูดรับ หากแต่หาใช่โคจรเองไม่

ถ้าหากเตากลืนดินโคจรเองล่ะก็ จะสำแดงพลังดูดกลืนอันแปลกประหลาดชนิดนี้ออกมาจนถึงขีดสุด เช่นนั้นแล้วจะเป็นปรากฏการณ์เช่นไร?

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางตนเอง ‘น่าสนใจอยู่บ้าง…’

ทันใดนั้น ด้านบนพลันมีเสียงพยัคฆ์คำรามดังมา

เขาจำได้ว่านั่นเป็นเสียงของอาหู่ อีกฝ่ายรีบส่งเสียงเตือนออกมา โดยที่ไม่ทันรีบวิ่งลงมาเช่นนี้ ชายหนุ่มพลันรับรู้ได้ว่าศัตรูมาด้วยท่าทีดุดัน และมีพลังความสามารถแกร่งกล้า

“มาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง นำกระสวยเบิกดินแดนออกมา จากนั้นก็ยืนอยู่กลางค่ายกล ออกแรงกระทืบเท้าครั้งหนึ่ง

ค่ายกลในโพรงน้ำแข็งที่ส่องแสงสีแดงเพลิงพลันสั่นไหว

วิถีการดูดรับแกนน้ำแข็งใยดินของเตากลืนดินก็หยุดชะงักลงตาม ระหว่างที่เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ ปราณจิตราก็ดูดรับม้วนเอาเตากลืนดินเก็บกลับมาโดยพลัน

ครั้นทำทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอไม่มองว่าเส้นลมปราณแกนน้ำแข็งที่เหมือนกับแม่น้ำแสงสีฟ้าจะเป็นเช่นไร ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ร่างกายเหินขึ้นด้านบนอย่างเร็วไว

ด้านบนมีพลังอันน่าครั่นคร้ามผันเป็นคลื่นพลังทอดมาแล้ว

เงาร่างของอาหู่ปรากฏ รีบร้อนจนแทบจะไม่เลือกเส้นทาง ห้อตะบึงไปทางหลุมลึกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

หลังกายเขา มีสายฟ้าอันน่าพรั่นพรึงผสมผสานกับพายุอันดำมืด กลายเป็นปรากฏการณ์ทำลายดับสูญ กวาดโพรงน้ำแข็ง

พายุและสายฟ้าสาดซัดฮึกเหิมทั่วฟ้าดิน ครอบหลุมลึกนี้เอาไว้ ทำให้โลกหิมะน้ำแข็งแต่เดิม กลายเป็นโลกของพายุและสายฟ้าในขณะนี้

มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนลงมือพร้อมกัน แม้จะยังไม่เห็นเงาร่างของพวกเขา พลังปราณดั้งเดิมอันบ้าระห่ำแปรเปลี่ยนเป็นพายุสายฟ้าแท้จริง ถล่มโพรงน้ำแข็งลงได้อย่างง่ายดาย

พลังน่าพรั่นพรึงปิดฟ้าพรางอาทิตย์ ยามนี้เยี่ยนจ้าวเกอแหงนหน้าขึ้นมอง ล้วนมองไม่เห็นแสงสว่างทะลุเข้ามาจากปากหลุม

ในความมืดมิด หินดินและก้อนน้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นับไม่ถ้วน กระหน่ำลงมาราวกับห่าฝน

เยี่ยนจ้าวเกอสยายปีกเซียนกระเรียนด้านหลังออก ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ การเคลื่อนไหวปราดเปรียว หลบหลีกน้ำแข็งแตกและหินผาที่ตกลงมาถี่ดุจฝนได้อย่างยอดเยี่ยม

ทว่าน้ำแข็งแตกและหินผาเหล่านี้ แท้จริงแล้วไม่น่ากลัวแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็คว้าอาหู่เอาไว้ แล้วเข้าไปในกระสวยเบิกดินแดน ก่อนจะกลายเป็นธารแสงพุงเข้าไปในชั้นน้ำแข็ง

ผู้อาวุโสเจินหัวร่อหยัน ตนเองยังคงไล่ตามทางเยี่ยนจ้าวเกอและกระสวยเบิกดินแดน ส่วนมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณของตำหนักอัสนีสวรรค์อีกท่านหนึ่ง ก็ลงไปด้านล่าง เพื่อหาเครื่องหยกที่ตกลงไป

เจิ้งซั่วกลับไม่แม้แต่จะมองเครื่องหยกนั่นแม้แต่สักแวบเดียวเช่นกัน สายตาจดจ้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตาอยู่เสมอ

พายุลมงวงสีดำไร้ขอบเขต ราวกับมังกรพิโรธไล่โจมตีเยี่ยนจ้าวเกออย่างไรอย่างนั้น

บริเวณรอบนอก ระหว่างบรรดาจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ ร่างของหลินโจวปรากฎ เขาหยิบมุกวิเศษออกมาเม็ดหนึ่ง ภายในมุกวิเศษขนาดมหึมาที่โปร่งแสง บริเวณใจกลางยังมีมุกวิเศษอีกเม็ดหนึ่งที่เล็กกว่าอยู่ ราวกับน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันอย่างไรอย่างนั้น

หลินโจวบีบมุกจนเละ เศษชิ้นส่วนกลายเป็นลำแสง พลันปิดผนึกชั้นน้ำแข็งโดยรอบเอาไว้ ก่อตัวขึ้นมาเป็นม่านแสงวามวาวผืนใหญ่

กระสวยเบิกดินแดนของเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งเข้าไปภายในลำแสง แม้จะยังสามารถรุดหน้าต่อไปได้ หากแต่เห็นได้ชัดว่าความเร็วถดถอยลง

พวกผู้อาวุโสเจินและเจิ้งซั่วที่อยู่ด้านหลังก็ถลันขึ้นมาในทันใด

เยี่ยนจ้าวเกอบีบหลอดเลือดอสูรที่สร้างขึ้นมาใหม่จนเละ แสงโลหิตอันโหดเหี้ยมทำลายลำแสงที่ขวางทางออกไป

ทว่านี่กลับเป็นม่านพลังน้อยใหญ่อันแปลกประหลาด แสงสว่างไสวชั้นหนึ่งถูกทำลายทิ้งไป อีกชั้นหนึ่งก็พลันปิดผนึกขึ้นมาในบัดดล

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เป็นข่ายอาคมกลุ่มหยินหยางกลับด้านหรือนี่? ของสิ่งนี้ช่างพบได้ยากเหลือ”

หลินโจวมองเยี่ยนจ้าวเกอกับกระสวยเบิกดินแดนอย่างเยือกเย็น “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะสามารถใช้ลูกไม้เดิมได้อยู่อีกรึ?”

ถึงแม้ว่าการบุกโจมตีของมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระดับผู้อาวุโสเจินจะเข้ามาใกล้เบื้องหน้าแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงคุยเล่นสนุกสนาน “ข้าคิดว่าข้าทำได้”

สิ้นเสียงกล่าว ส่วนลึกด้านล่างโพรงน้ำแข็งพลันมีพลังปราณอันแกร่งกล้ากลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมา น่าครั่นคร้ามสุดขีด ทำให้ร่างกายและจิตใจของทุกคนรู้สึกได้ถึงความชา!

…………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี