คลื่นความเย็นอันบ้าคลั่งพุ่งขึ้นมาจากก้นโพรงน้ำแข็ง!
แสงสีฟ้าน่าพรั่นพรึง ม้วนจากด้านล่างโพรงน้ำแข็งขึ้นมาด้านบนในชั่วพริบตา แช่แข็งทุกสิ่งที่มันสัมผัส
แกนน้ำแข็งใยดินที่เยี่ยนจ้าวเกอก่อกวนก่อนหน้านี้ ในตอนที่หลินโจวเข้าจู่โจม เขาพลันเก็บเตากลืนดิน เพื่อให้มันหยุดลงกลางคัน
ไอเย็นจากแกนน้ำแข็งที่ก่อนหน้านี้ถูกเตากลืนดินดูดกลืนเข้าไปตลอดเวลา ก่อเกิดความสมดุลไม่ชัดเจนนัก เวลานี้เสียทางระบายออกไปอย่างกะทันหัน หลังจากสะสมแรงดันชั่วขณะ ก็ระเบิดออกมารุนแรงยิ่งกว่าเดิมดังสนั่นหวั่นไหว
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ผู้นั้นที่พยายามลงไปยังก้นโพรงน้ำแข็ง เพื่อเก็บเครื่องหยกสีฟ้าน้ำแข็งที่เยี่ยนจ้าวเกอโยนลงไป เจอเข้ากับการปะทุพ่นคลื่นความเย็นออกมาพอดี
ราวกับเผชิญหน้ากับน้ำป่าไหลทะลักที่มาถึงโดยฉับพลัน มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณผู้นั้นไม่อาจหลีกหนีได้ทันกาล จึงถูกธารแสงสีฟ้ากลืนจนมิดในชั่วเสี้ยววินาที!
เขาอยากจะร้องตะโกนด้วยความตกใจ อยากจะแผดเสียงด้วยความโกรธกริ้ว แต่กลับค้นพบว่าตัวเองกลับส่งเสียงไม่ออกโดยสิ้นเชิง
ปราณดั้งเดิมทั่วกายโหมซัดสาด หมดหนทางโคจรเช่นกัน จมลงสู่ความเงียบสงัด
ร่างกายไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด มีเพียงความรู้สึกชา เสียประสาทสัมผัสไป
ความคิดความอ่านค่อยๆ หยุดนิ่ง ไม่อาจครุ่นคิดต่อไปได้อีก จิตวิญญาณเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้ม
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณทั้งสามคนของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่มาในครั้งนี้ นอกจากเขากับผู้อาวุโสเจินแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่ง บัดนี้เห็นสถานการณ์เข้า ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนที่สามผู้นี้ สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แกนน้ำแข็งใยดินระเบิดออกมา จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้จึงสะบัดมือครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีโซ่สีม่วงเส้นหนึ่งลอยออกไปหาศิษย์ร่วมสำนัก
โซ่สีม่วงพันรอบมหาปรมาจารย์ที่ถูกแช่แข็งคนนั้นไว้ พยายามลากเขาออกมา
ทว่าชั่วพริบตาเดียวโซ่ก็รั้งจนตรงแน่ว ด้วยแรงดึงครั้งหนึ่งของมหาปรมาจารย์คนที่สาม ไม่อาจลากขึ้นมาได้เลย เขารู้สึกกระทั่งว่าโซ่สีม่วงก็ถูกแช่แข็งไว้เช่นกัน
เกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินค่อยๆ ยื่นขยายไปตามสายโซ่สีม่วง พุ่งขึ้นไปบนมือของผู้ควบคุมอย่างรวดเร็ว!
แสงสายฟ้าสีม่วงบนพื้นผิวสายสีโซ่ม่วงล้วนดับมอดหมดสิ้น อาวุธวิญญาณระดับกลางชิ้นหนึ่งดับสลายไปเช่นนี้
ผู้ควบคุมอาวุธวิญญาณสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างหนักอีกครั้ง พลันปล่อยมือในบัดดล ปล่อยอาวุธวิญญาณของตนทิ้งไป
แทบจะในชั่วเสี้ยวขณะที่เขาปล่อยมือ ภายใต้การยื่นขยายของเกล็ดน้ำแข็ง เกาะตัวเป็นน้ำแข็งไปทั่วทั้งสายโซ่สีม่วง
ผู้ควบคุมปล่อยมือ ปลายสายโซ่อีกฝั่งหนึ่งโยงติดอยู่บนแกนน้ำแข็งใยดิน ทว่าสายโซ่หาได้ห้อยลงไปตามน้ำหนักไม่ หากแต่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นเส้นตรงดิ่งสายหนึ่ง
ธารแสงสีฟ้าน้ำแข็งอันโหดเหี้ยมระห่ำลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่วมและแช่แข็งทุดสิ่งเบื้องหน้าจนมิด
พายุและสายฟ้าที่ชั่วขณะก่อนหน้ายังคงโหดเหี้ยมป่าเถื่อนอยู่ภายในโพรงน้ำแข็ง ยามนี้ล้วนถูกธารแสงสีฟ้าน้ำแข็งกลืนหมดสิ้น
พายุและสายฟ้าถูกแช่แข็งผนึกไว้ในชั้นน้ำแข็งเช่นนี้ โดยที่ยังคงมีรูปร่างดังเดิมไม่แปรเปลี่ยน ยังคงเป็นงูสายฟ้าและเกลียวลมหลายสาย เพียงแต่เป็นภาพที่พิลึกพิลั่นอีกทั้งผิดปกติ เสมือนกับภาพบนม้วนภาพวาดก็ไม่ปาน มองดูแล้วพาให้รู้สึกพรั่นพรึงเป็นทวีคูณ
สิ่งที่เข้าใกล้ก้นโพรงน้ำแข็งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ หรือจะเป็นปราณจิตราและปราณดั้งเดิม ล้วนถูกคลื่นความเย็นที่ปะทุออกมาแช่แข็งในทันทีทันใด
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ที่พยายามขว้างโซ่สีม่วงออกมาช่วยเหลือคนก่อนหน้านี้ แม้จะระมัดระวังอย่างยิ่ง เงื่อนไขแรกในการช่วยเหลือคนคือต้องปกป้องตนเองก่อน ทว่าการเผชิญหน้ากับการทะลักอันน่าหวาดผวาของแกนน้ำแข็งบนพื้นดิน ก็ไม่สามารถออกแรงสู้เช่นกัน
เมื่อแลเห็นว่าไม่อาจต่อกร เขาจึงผละอาวุธวิญญาณระดับกลางของตนทิ้งไปทันที ต้องการมุ่งปลีกตัวออกไปก่อน
กระนั้นเนื่องจากความยุ่งเหยิงของโซ่สีม่วงกับคลื่นความเย็นก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้เขาคิดวิ่งหนีออกไปอีก แต่กลับไม่ทันกาลเสียแล้ว
ธารแสงสีฟ้าน้ำแข็งที่ซัดสาดไหลเชี่ยว ว่องไวยิ่งกว่าเขา
แต่ไรจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทะนงในความเร็วของตนเอง และมีต้นทุนที่สามารถมองจอมยุทธ์ระดับขั้นเดียวกันในโลกแปดพิภพด้วยความโอหัง
ทว่าบัดนี้ประจันหน้ากับพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงที่สรรค์สร้างอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากธรรมชาติ กลับยังคงช้าเกินไป
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณผู้นี้รู้สึกชาขาข้างหนึ่ง พลันรู้แก่ใจว่าไม่ปกติทันที
เขาเองก็นับว่าเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดคนหนึ่งเช่นกัน จึงฟันฝ่ามือหนึ่งลงไป ตัดขาที่รู้สึกชาของตนข้างนั้นโดยพลัน เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกไอเย็นขยายรุกรานไปทั่วกาย
หากแต่ก็ยังคงช้าไปอีกก้าว ไม่นานนัก เขาก็มีความรู้สึกเหมือนเช่นศิษย์ร่วมสำนักก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี