เยี่ยนจ้าวเกอมองเก้าอี้น้ำแข็งตัวนั้น สามารถรู้สึกได้ถึงพลังราวกับพยัคฆ์หมอบมังกรเวียนที่แผ่ออกมาบนนั้น เนิ่นนานไม่กระจายไป
เขาสามารถเห็นภาพปรากฏการณ์ในอดีตได้ ราวกับทะลุเวลามา มีจอมยุทธ์แกร่งกล้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็เห็นเสาน้ำแข็งที่อยู่กลางตำหนักใหญ่
ชายหนุ่มเดินมายังข้างเก้าอี้ แล้วหันหน้ามองไปยังตำหนักใหญ่ มองดูซากมังกรที่ถูกแช่แข็งผนึกไว้อยู่กลางตำหนักใหญ่
เวลานี้อาหู่ก็สงบใจลงแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยถามว่า “คุณชาย จะเก็บซากมังกรนี้ไปน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่ง พวกเราจะนำมันไปโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร?
“นั่นไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีแผนการอยู่ในใจแล้ว พวกเราตรวจสอบของสิ่งอื่นภายในตำหนักเย็นสักหน่อยก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
อาหู่รับปาก ขันอาสาเดินไปเสาะหา
เยี่ยนจ้าวเกอหยุดอยู่กับที่ ลูบคางตนเองพลางครุ่นคิด
รอจนตอนที่อาหู่กลับมา ก็เห็นว่าได้ของมาเต็มไม้เต็มมืออย่างยิ่ง
ชายร่างใหญ่ที่เดิมทีตื่นเต้นอย่างหนักเพราะว่าซากมังกร หากแต่ยามนี้ยิ่งยิ้มจนไม่เห็นตา
เนื่องจากอยู่ในวังน้ำแข็งมาเป็นเวลานาน ของจำนวนมากจนถึงวันนี้ล้วนผุพังไปหมดแล้ว เสียมูลค่าและผลลัพธ์ที่ควรจะมีไป
หากแต่แม้จะเป็นเช่นนั้น สถานที่ที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์พำนักในอดีต ก็ยังคงทิ้งของวิเศษเอาไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน บัดนี้ยังคงสามารถใช้งานได้
ในฐานะยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ ทรัพย์สินส่วนตัวจึงยังคงสมบูรณ์อย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเทียบได้กับทรัพย์สินสะสมของกลุ่มอิทธิพลดินแดนศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่นเขากว่างเฉิงนี้ ทว่าในฐานะจอมยุทธ์กดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตอยู่ลำพัง ก็นับว่าอู้ฟู่อย่างแท้จริง
ของสะสมของจอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียน ถึงจะอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิเช่นเดียวกัน แต่จำนวนก็ยังด้อยกว่ามาก
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบของครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ดูท่าครั้งสุดท้ายที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งกลับมาที่นี่ เขาออกไปในทันที ทว่าไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด ในความคิดของเขา บางทีอาจจะเป็นเพียงครั้งหนึ่งที่ออกไปข้างนอกตามปกติเท่านั้น”
“อย่างน้อย ในการคาดการณ์ของเขา ก็ไม่ใช่ว่าจะไปแล้วไม่กลับ”
เยี่ยนจ้าวเกอรำพึงรำพันไตร่ตรอง “บางทีเขาอาจจะไปค้นหาความลับของสิ่งที่เรียกว่า ‘หมู่มังกรลงสู่ทะเล’ ถึงตอนนี้เขาหายตัวไป เป็นตายร้ายดีกลายเป็นปริศนา”
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ตรวจดูของวิเศษที่เก็บได้จากภายในวังน้ำแข็งเหล่านี้อีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสความเป็นไปได้
สุดท้ายแล้ว เกล็ดที่แตกหักหลายชิ้นกลับดึงความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอมากที่สุด
“เกล็ดมังกร…” ถึงแม้ว่าพลังชีวิตในเกล็ดมังกรจะค่อยๆ สลายไปแล้ว ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังคงแยกแยะออกมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาเดินมาถึงตรงเสาน้ำแข็งที่อยู่กลางตำหนักใหญ่นั่น เพื่อสังเกตซากมังกรที่ถูกแช่แข็งผนึกไว้ภายในนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็มองดูเกล็ดที่แตกบิ่นในมือของตัวเองซ้ำอีก
“บางทีหลังจากนำเกล็ดมารวมเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้งแล้ว อาจจะได้อะไรบางอย่าง” หลังเยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองเรียบร้อยแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเสาน้ำแข็งมหึมาที่อยู่ตรงหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอเหยียดมือออกไปกดบนเสาน้ำแข็ง สัมผัสพลังความเย็นภายใน แล้วปิดเปลือกตาลง
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เขาก็นำเสาทางเดินวังเทพที่แปรสภาพออกมามีลักษณะเหมือนกระบองหินสั้นออกมาอีกครั้ง
เสาทางเดินวังเทพกลายขยายใหญ่มหึมาอีกครั้ง ค้ำตำหนักใหญ่ของวังน้ำแข็งไปพร้อมกับเสาน้ำแข็งต้นนั้น
แล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็นำมือทั้งสองข้างกดไปบนเสาน้ำแข็งที่แช่แข็งผนึกซากมังกรเอาไว้ ก่อนจะกรอกปราณจิตราของตนเข้าไปภายใน
มีลวดลายเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมปรากฏออกมาแต่ละรูป โดยมีมือทั้งสองข้างเป็นศูนย์กลาง ระหว่างที่ส่องสว่างพร่างพราวซึ่งกันและกัน ก็เริ่มมีริ้วแสงปรากฏขึ้นบนเสาน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง
เขาดึงฝ่ามือข้างหนึ่งกลับมา แล้วหยิบวงแหวนเงินคู่หนึ่งออกมาจากภายในบรรด่ของที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งเอาไว้
เมื่อหมุนนิ้วมือเบาๆ วงแหวนเงินทั้งสองวงก็แยกกันลอยออกมา วงหนึ่งอยู่ด้านบน วงหนึ่งอยู่ด้านล่าง
วงแหวนเงินที่ลอยขึ้นบน ตกลงไปที่ตำแหน่งของเสาน้ำแข็งที่เชื่อมกับเพดานตำหนักใหญ่ ส่วนวงแหวนเงินที่ลอยออกมาด้านล่าง ก็ตกลงไปที่ส่วนฐานของเสาน้ำแข็งด้านล่าง
วงแหวนเงินทั้งสองวงก็กลายสภาพเป็นวงแหวนแสงสีขาวเงิน ค่อยๆ หลอมรวมเข้าสู่ภายในเสาน้ำแข็ง หายไปไม่พบอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี