หลินโจวไม่ได้เข้าใกล้บ่อน้ำข้ามชั่วยาม เขาเว้นระยะห่างออกมาไกลทีเดียว พลางกางคันธนูซึ่งเปล่งแสงสีม่วง พาดคันศรแหลม เล็งที่เยี่ยนจ้าวเกอ
ธนูนี้มีชื่อว่านภาอลหม่าน เป็นอาวุธวิญญาณชั้นสูง!
ถึงแม้จะเป็นสำนักแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างตำหนักอัสนีสวรรค์ ก็ยังมีอาวุธวิญญาณชั้นสูงอย่างจำกัด จอมยุทธ์ระดับมหาปรมจารย์ขั้นกำเนิดญาณขึ้นไป หรือบุคคลทรงอำนาจในสำนักมีแค่คนละชิ้นเท่านั้น
เนื่องจากนภาอลหม่านเป็นธนู สถานการณ์จึงค่อนข้างพิเศษ
ก่อนหน้านี้ หลินเทียนเฟิง บิดาของหลินโจวเป็นผู้ครอบครองอาวุธวิญญาณชั้นยอดชิ้นนี้
เนื่องจากหลินเทียนเฟิงยิงผลพลิกตะวันก่อกวนค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิง ก่อนไปได้มอบธนูคันนี้ให้หลินโจวเก็บรักษา
หลังจากเฉินลี่ ประมุขสำนักยอมรับเป็นที่เรียบร้อย หลินโจวเก็บอาวุธวิญญาณชั้นสูงชิ้นนี้ไว้เอง มิได้ส่งมอบให้ใคร
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันจากธนูนภาอลหม่าน เยี่ยนจ้าวเกอก็พบหลินโจวด้วยเช่นกัน
บางทีควรจะบอกว่าไม่เหนือความคาดหมาย หลินโจวพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด หลังจากสงครามกว่างเฉิง เขาก็นอนฟืนแข็งกินดินขม[1] จนปัจจุบันกลายเป็นมหาปรมาจารย์ระดับต้น
หากคำนวณจากอายุ หลินโจวเป็นคนโดดเด่นในหมู่คนที่มีอายุเท่ากัน
ทว่าหลินโจวเพิ่งบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ เขาจึงมิอาจแสดงความสามารถของอาวุธวิญญาณระดับสูงได้อย่างเต็มที่ กระนั้นอาวุธวิญญาณระดับก็ยังคงเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง อาวุธวิญญาณระดับกลางและระดับล่างไม่อาจเทียบเคียงได้
หลินโจวกางธนูนภาอลหม่าน คันศรที่พาดบนสายมิใช่ของธรรมดาเช่นกัน
แสงเย็นเยียบเปล่งประกาย เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าจิตใจของตนก็เย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย
ด้านหน้ามีดาบคลั่ง ด้านหลังมีธนูคมกริบ!
เจิ้งซั่วใช้ดาบเทพมารทมิฬ อันเป็นท่าไม้ตายที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากเขานิมิตทมิฬ ก่อให้เกิดพายุนิมิฬทมิฬนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน ประกายดาบพุ่งลงหาเยี่ยนจ้าวเกอราวหลุมดำ
ขณะเดียวกัน หลินโจวปล่อยมือ ธนูนภาาอลหม่านเปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้า สายธนูสั่นไหวคล้ายกับฟ้าร้อง ท้องฟ้าสะเทือนแผ่นดินไหว งูยาวสีม่วงพุ่งไปถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งทันใด
ปราณจิตราที่คล้ายกับกำลังสับสนในร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง แต่มิได้กลายเป็นน้ำแข็งหรือเปลวไฟเหมือนเช่นก่อนหน้า
เสียงกระแสไฟฟ้าดังเปรี๊ยะๆ ราวพุ่งทะลุบรรยากาศ สายฟ้าที่รวมตัวกันหนาแน่นเต้นระบำคล้ายงูสีทอง ส่องสว่างความมืดสุดท้ายก่อนแสงแรกอรุณ
ปราณจิตราทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นอัสนีบาตนับไม่ถ้วน แล้วครอบคลุมรอบๆ ตัวเขาเอาไว้
ไข่มุกที่เหมือนกับหินธรรมดาเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอกของเขา เป็นเศษดวงตาราชันสายฟ้าที่หลุดพ้นจากการหลับใหลแล้วนั่นเอง
ภายใต้การกระตุ้นของสายฟ้าจำนวนมาก แม้พลังจิตของเศษดวงตาราชันสายฟ้าถึงจะไม่ได้ฟื้นกลับมา แต่จิตตระหนักรู้อันแข็งแกร่งภายในคล้ายกับตื่นขึ้น และได้ปล่อยพลังอันน่าพรั่นพรึงสะเทือนฟ้าดินได้ออกมา
เศษดวงตาราชันสายฟ้าลอยไปอยู่บนปลายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ เขารวมเป็นหนึ่งกับกระบี่ ใช้เพลงกระบี่มังกรลอดเมฆของวิชามังกรเขียวในชายเสื้อ พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ร่างกายของเขากลายเป็นสายฟ้าฟาดขนาดยักษ์ พุ่งสู่ท้องนภา
ดั่งมังกรสายฟ้าปั่นป่วนอากาศ ส่งเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธ!
บนท้องฟ้าปรากฏพายุสายฟ้า มีสายฟ้าจริงๆ ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเหนี่ยวนำให้ผ่าลงมาด้านล่าง รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังของเขา
งูสายฟ้าและมังกรอัสนีจำนวนมากพุ่งทะยานร้องคำราม สายฟ้าขนาดใหญ่ยักษ์หมุนวนรอบตัวเขา
มังกรตัวหนึ่งเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่กลางอากาศ เกล็ดของมันสั่นไหว ฟ้าแลบแปลบปลาบ สายฟ้าร้องครืนคราน!
มังกรอัสนีที่กำลังคำรามพุ่งขึ้นด้านบน ทำลายพันธนาการจากดาบเทพมารทมิฬของเจิ้งซั่วจนหมดอย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันก็กระแทกประกายสายฟ้าสีม่วงที่หลินโจวยิงมาใส่ สุดท้ายก็ปะทะเข้ากับดาบเทพมารทมิฬของเจิ้งซั่วตรงๆ!
ประกายดาบสีดำระเบิดในทันที กลายเป็นพายุสีดำหลายลูกอีกครั้ง
สายฟ้ากระจายออกไปรอบๆ ประกายกระบี่สี่เขียวสว่างวาบขึ้นด้านใน หยาดโลหิตสาดกระเซ็น จนเจิ้งซั่วโซเซถอยหลังไป!
มังกรลอดเมฆรวมเป็นหนึ่งกับสายฟ้าในชั่วพริบตานั้น
เคล็ดวิชากระบี่มังกรเมฆาต้านสายฟ้า!
อานุภาพของหนึ่งกระบี่ และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับต้องการทำลายอุปสรรคทุกอย่าง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี