“เจ้าเด็กแซ่เยี่ยนี่ไม่ตายในเคราะห์ร้าย แถมความสามารถและวรยุทธ์ดูจะก้าวหน้ามากขึ้นด้วย ขนาดลูกศิษย์คนนั้นถืออาวุธกายวิเศษระดับล่างที่คุณชายให้ไว้ในมือ ก็ยังสู้กับเขาที่ใช้มือเปล่าไม่ได้เลย”
เมื่อได้ฟังเรื่องที่อาหู่เล่า เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด
ก็มีรัศมีตัวเอก เป็นบุตรแห่งสวรรค์นี่ ต่อให้ต้องเจออุปสรรคมากมาย ขอเพียงแค่ไม่ตายก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว
แต่การแสดงออกของเยี่ยจิ่ง แตกต่างกับในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง
‘รุนแรงกว่า ดื้อรั้นกว่า โมโหง่ายกว่า ทั้งยังใจร้อนและหงุดหงิดง่ายกว่าด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางพลางครุ่นคิด ‘ดูแล้วแหวนวงนั้นแม้จะช่วยเขาสร้างร่างกายขึ้นใหม่ แต่ก็มีผลกระทบด้านลบอยู่ด้วยเช่นกัน’
‘ถ้าหากเป็นวิชาลับที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้ที่ฝึกฝนล่ะก็ ด้วยวรยุทธ์และจิตใจของเขาในตอนนี้ ทั้งยังต้องฝึกฝนอยู่ด้วย จะยิ่งได้รับผลกระทบง่ายขึ้น’
‘ถ้ามองจากมุมนี้ การที่ร่างกายแหลกสลายหมดและถูกสร้างขึ้นใหม่ อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับเยี่ยจิ่งในตอนนี้ น่าจะรอถึงตอนที่วรยุทธ์ของเขาสูงกว่านี้ก่อน แล้วค่อยเจอกับเคราะห์ครั้งนี้ ก็อาจจะไม่มีปัญหาเหล่านี้ก็เป็นได้’
‘เหตุใดถึงรู้สึกว่าเส้นทางตัวเอกของเขาเหมือนจะผิดเพี้ยนไป กรรมตามสนองเสียจริง แต่ว่า…’ แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น ‘เจ้ามีเหตุผลที่ทำร้ายคนอื่นได้แล้วสินะ’
เมื่อเรียกสติคืนมาได้ เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่อาหู่ “หลังจากทางสำนักได้รับข่าวนี้แล้ว พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง”
อาหู่เปิดปากพูดว่า “ก่อนอื่นเจ้าเด็กนี่ทำร้ายลูกศิษย์ร่วมสำนักด้วยเจตนาร้าย ต้องได้รับการลงโทษอยู่แล้ว และแน่นอนว่าต้องดำเนินการสอบสวน เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวอย่างชัดเจน จะไม่ฟังความข้างเดียวแน่นอนขอรับ”
“จากนั้น ก็จะยืนยันได้ถึงสิ่งที่ท่านตัดสินในวันนั้น ว่าเขาไม่ตายในเคราะห์ร้ายจริง และยิ่งไปกว่านั้นรอดกลับมาจากหุบเหวปราการมังกรได้สำเร็จ”
“แต่เพราะเยี่ยจิ่งแสดงความโกรธแค้นต่อคุณชายออกมารุนแรงมาก จึงยังมีคนสงสัยคำให้การของคุณชายในตอนนั้น โดยคิดว่าอาจจะยังมีสายสนกลในอื่นแฝงอยู่”
“เพราะฉะนั้นเมื่อจับตัวเยี่ยจิ่งได้แล้ว คุณชายอาจจะต้องไปทำพิธีโลหิตจิตหวนเวลาด้วยขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้ดูจากการกระทำของเขา ข้าคิดว่าคนของท่านอาจารย์ลุงรองก็คงไม่คิดจะฆ่าเขาให้ตายเพื่อป้ายความผิดให้กับข้า แต่คงคิดว่าทำอย่างไรถึงจะล้วงเอาเส้นสนกลในที่ว่าจากปากเขาได้มากกว่า จากนั้นค่อยสร้างความลำบากให้ข้า”
อาหู่เกาหัวเบา “เมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าเจ้าเด็กแซ่เยี่ยจะเป็นตัวสร้างปัญหาขนาดนี้”
“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแต่ไม่พูด
นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจ “เจ้าเด็กนี้ ครั้งนี้ท่าจะตัดหนทางของตนเองในสำนักเสียแล้ว”
“คุณชาย ในเมื่อทางสำนักตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องสนใจเขาแล้วใช่หรือไม่ขอรับ เพื่อไม่ให้เผยจุดอ่อนให้คนอื่นจับได้ และทำให้คนอื่นคิดว่าท่านคิดจะฆ่าปิดปากเพราะทำเรื่องไม่ดีไว้”
“ในสถานการณ์เช่นนี้ หากคุณชายถูกใส่ร้ายป้ายสี เช่นนั้นคงจะไม่ดีนะขอรับ มีข้อมูลอะไรก็ส่งต่อให้คนที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ของทางสำนักดีกว่า”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดนิ่งๆ ว่า “ไม่ให้ถึงตายก็ไม่มีปัญหา”
“อย่าออมมือ พบตัวมันเมื่อไร ให้มารายงานข้าทันที ข้าจะจัดหนักกับเขาก่อนสักตั้ง แก้แค้นให้ศิษย์น้องหลานก่อนแล้วค่อยส่งต่อให้สำนัก”
“ศิษย์น้องหลานถูกเยี่ยจิ่งเล่นงานจนบาดเจ็บเพราะพูดเพื่อข้า กลับไปแล้วก็อย่าลืมดูแลเขาหน่อย”
“นอกจากยารักษาแผลและยาบำรุงแล้ว บอกเขาด้วยว่าข้ามีอาวุธวิเศษระดับกลางชิ้นหนึ่งเก็บไว้ให้เขา เมื่อไรที่เขาเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ ของก็ส่งจะให้ถึงมือเขา”
อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจ “ขอรับ คุณชาย”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า สายตาทอดมองไปยังแนวเขาสูงชันที่ยาวต่อกันเป็นทอดๆ อีกครั้ง
เวลานี้มีชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ และนำสมุนไพรวิญญาณต้นหนึ่งมอบให้อย่างระมัดระวัง “คุณชาย หาพบแล้วขอรับ!”
ตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันทอประกาย “กล้วยไม้ทองสิบกลีบ!”
เมื่อรับสมุนไพรวิญญาณมาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็สังเกตอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี