จอมยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีประสบการณ์มากมาย หลังจากความงงงันในตอนแรกหายไป จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทุกคนล้วนได้สติกลับมา
หลังจากผู้ใช้หยกเลียนสังหารฆ่าเป้าหมายได้แล้ว จะสามารถทำให้ร่างกายและปราณจิตราของตนเองเลียนแบบเป้าหมายที่ถูกฆ่าได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ขอแค่ไม่ลงมือต่อสู้ แม้แต่ลมปราณภายในหรือการหายใจก็จะเหมือนเป้าหมาย ที่เพิ่งถูกสังหารไปทุกระเบียดนิ้ว
อาหู่ไม่รู้จักจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์แซ่จางคนนั้นนัก ไม่ทราบถึงนิสัยและการใช้ชีวิต จึงยากจะทำได้อย่างแนบเนียน
แต่ว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์ชุลมุน เขาแค่คอยระวังไม่เผยร่องรอย ก็สามารถหลอกคนจากตำหนักอัสนีสวรรค์ได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ
ความเสี่ยงนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ขอแค่เผยพิรุธแม้สักเล็กน้อย เขาจะต้องถูกรุมสังหารแน่นอน
แต่ความเสี่ยงสูง ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน
ในช่วงเวลาสำคัญ ความสนใจทั้งหมดล้วนรวมอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอกับน้ำวนที่น่ากลัวนั้น อาหู่จึงฉวยโอกาสโต้กลับ
ครั้นข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวพังทลาย เยี่ยนจ้าวเกอก็ฝ่ากำแพงสายฟ้าสีเขียว ดุจพยัคฆ์ลงจากเขาในทันที
มีจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์บางคนเดือดดาล พุ่งไปหาอาหู่ ทำให้อาหู่ตกอยู่ในวงล้อมโดยพลัน
แต่หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวแล้ว ก็กระโดดลงบนตัวพ่านพ่าน ในมือปรากฏหลอดแก้วโปร่งใส่ใบหนึ่ง
ภายในหลอดแก้วมีประกายหยดเลือดระยิบระยับ เยี่ยนจ้าวเกอเปิดฝาหลอดแก้วออก ประกายเลือดหลายสายพลันพวยพุ่งออกมา
นี่เป็นสิ่งที่ใช้ทำลายข่ายอาคมทุกชนิดโดยเฉพาะ หลอดเลือดปีศาจ
ครั้งนี้หลอดเลือดปีศาจแสดงผลกับภายในของข่ายอาคม ประกายเลือดหลายสายปลิวว่อน ตลบอบอวลทั่วข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาที่กำลังปรากฏรอยร้าว
มือข้างหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดออก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งดันฝ่ามือออก กระแทกด้านหน้าพร้อมเพรียงกัน ปราณจิตราสั่นไหว ประกายเลือดพลันกระเพื่อม
รอยเลือดหลายสายตัดสลับกันในข่ายอาคมสีเขียวที่ชำรุด ดูคล้ายกับเส้นเลือด
ธงใหญ่สีเขียวสองคันที่เหลือพลันอาบไปด้วยสีเลือด บนพื้นผิวมีเส้นสายสีแดงฉานมากมายกระจายอยู่ทั่ว
น้ำวนอันน่ากลัวนั้นยังขยายตัวอยู่ด้านหลังไม่หยุด
ขอบของน้ำวนกระทบกับข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวแล้ว ทำให้ข่ายอาคมชำรุดใกล้จะพังทลายลง
ประกายแสงสีเงินยวงที่ส่องสว่างจากกระบี่สายฟ้าอนธการเหนือศีรษะของหลินโจว ในตอนนี้ดับลงกลายเป็นความมืด คล้ายกับราตรีไร้สิ้นสุด
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ คำรามด้วยความขุ่นแค้น ก่อนจะกลับหลังหันจากไปภายใต้ม่านราตรีที่ปกคลุมอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลินโจวอย่างเย็นชา อีกด้านหนึ่งพ่านพ่านรับอาหู่กลับมาสมทบกับเขาแล้ว
หลังจากขึ้นไปนั่งบนตัวพ่านพ่าน เยี่ยนจ้าวเกอใช้ความคิดสั่งการมัน ร่างหมียืดอุ้งเท้าทั้งสี่ ตะบึงไปด้านหน้า
ที่ด้านหลัง ทุกคนในตำหนักอัสนีสวรรค์เห็นน้ำวนบีบมาถึง ก็ดิ้นรนคิดหนี
ชายหนุ่มไม่ได้หันหลัง เพียงพลิกมือต่อยใส่ข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียว
เส้นเลือดมากมายในข่ายอาคมสั่นไหวพร้อมกัน ธงใหญ่สีเขียวสองคันระเบิดเป็นผุยผงในทันที!
สายฟ้าสีเขียวระเบิดเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ข่ายอาคมทั้งหมดพังทลายลงโดยสิ้นเชิง!
สายฟ้าอันบ้าคลั่งกลืนกินจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทุกคน ก่อให้เกิดพลังระเบิดคลุ้มคลั่ง กันน้ำวนไว้อึดใจหนึ่ง
วินาทีถัดมา น้ำวนก็ขยายตัวขึ้นอีก
มีจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ไม่ได้ตายเพราะการระเบิดของข่ายอาคมที่ถูกสายฟ้าขัดขวางไว้ ทว่าการเคลื่อนไหวช้าลง ถูกน้ำวนม้วนเข้าไปด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่นั่งบนหลังพ่านพ่าน หนีออกห่างในชั่วพริบตา
แนวเขาก้นทะเลตรงหน้ายังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง มีไฟใต้พิภพพุ่งขึ้นข้างบน ดูเหมือนกับนรกบนดิน
เขามองความมืดมิดเบื้องหน้า มีร่างเงาทมิฬเดี๋ยวผลุบเดี่ยวโผล่จากการส่องสว่างของแสงไฟ วนไปวนมา และขยับห่างออกไปเรื่อยๆ
ธนูนภาอลหม่านที่มีสายฟ้าสีม่วงแตกกระจายมาอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง เขากางธนูออก ยิงลำแสงสีทองสายหนึ่งออกไป
อีกด้านหนึ่ง ถึงแม้หลินโจวจะไม่ได้ใช้ปราณจิตราของตนเอง แต่ว่าพลังจากกระบี่สายฟ้าอนธการ ก็แข็งแกร่งกว่าดาบราชันอัสนีเก้าทบที่ตนใช้มากนัก
แม้จะไม่ใช่การประสานกันระหว่างกระบี่เทพมสารดาสายฟ้ากับดาบราชันอัสนีเก้าทบ แต่หลินโจวในตอนนี้ใช้ดาบและกระบี่พร้อมกัน อันเป็นกระบวนท่าสุดยอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่เหี้ยมหาญ!
สายฟ้าสีม่วงกับสายฟ้าสีเงินยวงตัดสลับกัน งูไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเลื้อยเต็มน้ำทะเล น่าพรั่นพรึงเกินบรรยาย
“กระบี่ที่แฝงสายฟ้าอนธาการมีคุณสมบัติไม่เลวอยู่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย ในมือซ้ายปรากฏกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่เปล่งแสงสีม่วง
เขาฟาดไม้ไผ่ ป้องกันกระบี่สาายฟ้าอนธการของหลินโจว
กระบี่วิญญาณมังกรมรกตในมือขวาของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งแสงขึ้น ทำลายประกายดาบของหลินโจวจนแหลก “แต่ตัวเจ้ายังอ่อนด้อยนัก”
หลินโจวกู่ร้องด้วยความโกรธ ประกายดาบที่สลายพลันกลับด้าน ฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกอรุนแรงกว่าเดิม!
เขาใช้ความยอดเยี่ยมของดาบราชันอัสนีเก้าทบได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียว
แต่ว่าสภาวะกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกระแสน้ำสูงเทียมฟ้า จนหลินโจวมิอาจป้องกัน ตัวเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งไปด้านหน้า ทำลายประกายดาบคำรบสองได้อย่างง่ายดาย “ดูเหมือนเจ้าจะลืมไป ครั้งก่อนที่เราสู้กัน ความจริงเป็นการประมือกันตัวต่อตัว ทั้งยังเป็นการพบกันเป็นครั้งแรก เจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง ส่วนข้าเป็นปรมจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น”
ไม่รอให้หลินโจวใช้ประกายดาบเป็นครั้งที่สาม เยี่ยนจ้าวเกอก็ฟันคมกระบี่ทำลายดาบล้ำค่า ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณในมือของหลินโจวทิ้ง!
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ลงไปด้านหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน ความรุนเรงเทียบได้กับภูเขาไท่ซานถล่มเลยทีเดียว
เบ้าตาของหลินโจวกำลังจะปริแตก แต่ยังคงมองดูเยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่ฟันร่างครึ่งหนึ่งของเขาจนแหลกละเอียด!
“ตอนนี้ เจ้าเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะต้น ส่วนข้าเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะท้าย ถ้าทุกคนอาศัยแค่พลังฝึกปรือของตัวเองเท่านั้น…”
เยี่ยนจ้าวเกอฟาดกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าอีกครั้ง กระแทกกระบี่สายฟ้าอนธการกระเด็นออกไป จากนั้นก็เก็บกระบี่วิญญาณมังกรมรต ก่อนจะฟาดฝ่ามือลง!
หลินโจวที่อยู่เบื้องหน้าของเขาพลันพลิกตัหมุนคว้าง คล้ายกับนภาถล่มทลาย!
“…หากตอนนี้อาศัยแค่พลังฝึกปรือของตัวเอง ข้าคนเดียวสู้เจ้าหนึ่งร้อยคนได้เหลือแหล่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี