ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 410

เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัวอย่างเรียบเฉย เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเอง โชคชะตาชื่นชมคนที่เตรียมตัว”

อิ่นหลิวหัวเม้มปากเล็กน้อย ก้มหน้าลง “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าเข้าใจ”

ในใจนางเกิดความสับสน คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอคงได้ยินบทสนทนาระหว่างตนกับเฟิงอวิ๋นเซิงเมื่อครู่แล้ว เรื่องนี้ทำให้นางอดขุ่นเคืองไม่ได้

‘ไม่ทราบว่าเมื่อครู่ศิษย์พี่เฟิงทราบหรือไม่ว่าศิษย์พี่เยี่ยนอยู่ใกล้ๆ…’ แววตาของอิ่นหลิวหัวสลดลงเล็กน้อย

ตั้งแต่กลับมาจากทะเลตะวันออกและเข้าสู่สำนักเขากว่างเฉิง ได้ใช้ชีวิตกับศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นแล้ว นางจึงรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้านี้มีศักดิ์ฐานะสำคัญขนาดไหน

ไม่จำเป็นต้องถกเถียงสักนิด เขาเป็นบุคคลระดับผู้นำที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเขากว่าเฉิง หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกในปัจจุบัน หรือจะบอกว่าเป็นแถวหน้าในหมู่คนที่มีอายุเท่ากันในตอนนี้ของมหาอำนาจแปดพิภพทั้งหมด

ไม่มีใครปฏิบัติกับเขาเป็นคนรุ่นหลังอีกแล้ว

ด้านนอกสำนัก หากเยี่ยนจ้าวเกอไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น คนที่ต้อนรับอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีอำนาจของสำนัก หรือผู้อาวุโสในสำนัก

ฉายาของเขา ปราชญ์ภาพวาด ผู้อาวุโสม่อ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีศักดิ์ฐานะสูงที่สุด และอายุมากที่สุดในปัจจุบันเป็นคนตั้งให้

ปัจจุบัน ในสายตาของยอดฝีมือระดับสูงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น บุคคลที่สำคัญที่สุดแห่งเขากว่างเฉิง นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงกับเยี่ยนตี๋แล้ว คนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสาม มิใช่ฟางจุ่นที่เป็นสามวีรบุรุษแห่งกว่างเฉิงเหมือนกับเยี่ยนตี๋ มิใช่ผู้อาวุโสสูงสุดที่มีศักดิ์ฐานะเท่าหยวนเจิ้งเฟิง แต่เป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มีอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น!

เหล่าลูกศิษย์รุ่นเยาว์แห่งกว่างเฉิงที่เข้าสำนักพร้อมกัน แม้กระทั่งเข้าก่อนและหลังอิ่นหลิวหัว ต่างก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเป็นบุคคลที่อยู่ในตำนานไปแล้ว

ถึงแม้อายุจะไม่ได้ห่างกันมาก แต่ทุกคนกลับไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง

นอกจากคนที่ชอบเอาชนะ และมีความคิดไล่ตามอยู่ในหัวแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนเปลี่ยนจากความชื่นชมที่มีต่อศิษย์พี่เยี่ยนผู้นี้เป็นการติดตามมานานแล้ว

ถึงแม้ปากจะเรียกว่า ‘ศิษย์พี่’ แต่อิ่นหลิวหัวทราบว่า ศิษย์ร่วมสำนักจำนวนมากรวมถึงนาง ในตอนที่เผชิญหน้ากับศิษย์พี่เยี่ยนผู้นี้ ยังน่าตึงเครียดยิ่งกว่าการเผชิญหน้าผู้อาวุโสจำนวนมากในสำนักเสียอีก

ในความเป็นจริง ถึงแม้จะเป็นเพราะความอ่อนเยาว์ ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันจึงต่ำกว่าพวกผู้อาวุโสในสำนัก แต่ในด้านอำนาจแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอกลับถูกจัดอยู่ในหนึ่งไม่กี่คนที่อยู่แถวหน้าของทั่วทั้งเขากว่างเฉิง

ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิใช่เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอมีบิดานามว่าเยี่ยนตี๋ ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในมหาปรมาจารย์แห่งมหาอำนาจแปดพิภพ แต่เป็นเพราะเขาคือเยี่ยนจ้าวเกอ

อิ่นหลิวหัวที่เป็นสตรีจันทราย่อมมีความรู้ซึ้งต่อเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ในหัวข้อสนทนาระหว่างสตรีจันทรา น้ำหนักในคำพูดของขายหนุ่มตรงหน้านี้มีมากกว่าฟู่เอินซู ซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเสียอีก

ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีเป็นผู้นี้ เป็นหัวหอกสำคัญในการคิดหาสตรีจันทราและการทดสอบแห่งจันทราของเขากว่างเฉิง

เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัว กล่าวอย่างราบเรียบเช่นเดิม “ตั้งใจฝึกฝนเถอะ วันนี้ข้ามาเดินเล่นเท่านั้น เลยแวะมาดูเสียหน่อย เมื่ออาจารย์ป้าฟู่จัดการธุระเสร็จ ก็น่าจะมาตรวจสอบความคืบหน้าของเจ้ากับศิษย์น้องเฟิง”

อิ่นหลิวหัวพยักหน้า “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างแน่นอน”

สีหน้าของนางเศร้าเล็กน้อย “เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่เฟิง ข้ามักรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะศิษย์พี่โดดเด่นออกปานนั้น”

“ข้าเคยเห็นรูปภาพเงาของการทดสอบแห่งจันทราหลายครั้ง สตรีจันทราเหล่านั้นก่อนหน้านี้โดดเด่นยิ่ง แต่ศิษย์พี่เฟิงกลับยึดครองอันดับด้านบนได้ในเวลาอันสั้น ทั้งๆ ที่มาทีหลัง ยังเหนือกว่าคนจำนวนมากอีก”

เยี่ยนจ้าวเกอมองหน้านางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้า “นั่นเป็นสิ่งที่ศิษย์น้องเฟิงสมควรได้รับแล้ว นางทุ่มเทความพยายามและเจออุปสรรคมากมายมากกว่าคนทั่วไปนัก”

“ข้าไม่กล้าพูดว่าข้ากับเหล่าอาจารย์ได้ช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นศิษย์น้องเฟิงที่พึ่งพาตัวเอง”

ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ต่อ “การบ้านที่เจ้าจะต้องทำให้สำเร็จในทุกวัน ก็คือเทียบตัวเจ้ากับความแข็งแกร่งของศิษย์น้องเฟิง รู้สึกอย่างไรบ้าง”

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าสายตาของอิ่นหลิวหัวมองตามตนเองอยู่ด้านหลัง แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก

หลังจากผ่านการสังเกตการณ์ด้วยตัวเองในวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนจำนวนหนึ่งในสำนักจะต้องมีความคิด ‘บ่มเพาะสตรีจันทราที่เป็นของพวกเราอย่างแท้จริง’ ต่อไป ความหวังของพวกเขายากจะกลายเป็นจริงๆ

ความคิดที่จะบ่มเพาะกองหนุน และช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงให้เหมือนอวิ๋นซิ่วชิงหรือเมิ่งหวานได้ตามความคิดของฟู่เอินซู ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ฟู่เอินซูกลับสำนักในครั้งนี้ เมื่อมีนางจับตาดูด้วยตัวเอง สถานการณ์คงจะดีขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอคิดไปพลาง เดินกลับไปที่ข้างน้ำตกไปพลาง เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงยังคงใช้สองมือยกดาบให้ขนาน ยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวดั่งศิลา ส่วนอิงหลงถูนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ นาง

เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอมา เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ้มเล็กน้อย ส่วนอิงหลงถูแยกเขี้ยวยิ้มขึ้น

ชายหนุ่มเดินไปถึงเบื้องหน้าอิงหลงถู ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หลงเอ๋อร์ตอนนี้กำลังเรียนวรยุทธ์อะไรอยู่”

อิงหลงถูงอนิ้วนับ “ฝึกวิชากายเพชรของอาจารย์ ฝึกท่าวายุอัคคี เรียนดาบเทพผสานปราณกับท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก ท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนักบอกว่า ต่อจากนี้ถ้าอยากเรียน ให้เรียนวิชากระบี่อำพันลี้ลับ หรือไม่ก็กระบี่เจ็ดดารา”

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “เยอะขนาดนี้เชียว”

วรยุทธ์ระดับนี้ของมหาอำนาจแปดพิภพ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอจะเข้าออกหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ได้ตามใจแล้ว สำหรับลูกศิษย์สายตรงคนอื่น ปกติผู้เป็นอาจารย์จะถ่ายทอดให้ลูกศิษย์เพียงหนึ่งหรือสองวิชาเท่านั้น

หากคิดจะร่ำเรียนวรยุทธ์วิชานอกเหนือจากนั้น ก็ได้แต่ต้องสร้างคุณูปการเพื่อรับรางวัล ถึงจะเข้าหอคัมภีร์ยุทธ์ศาสตร์ เลือกเฟ้นวรยุทธ์ที่ตนเองต้องการได้

นี่มิใช่เพราะหวงหรือจำกัด แต่ก็เพื่อให้พวกลูกศิษย์เกิดความทะเยอทะยาน ขณะเดียวกันก็ป้องกันความละโมบที่เกินพอดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี