เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หยุดชะงัก เขายังคงประคองชาไว้เช่นเดิม ท่าทางดูเป็นธรรมชาติยิ่ง แต่เขาแอบกระซิบกับพวกเฟิงอวิ๋นเซิงและสวีเฟยว่า “น้ำชามีปัญหา มีคนมาทักทายพวกเรา”
แก้วชาของเฟิงอวิ๋นเซิงและสวีเฟยยังวางอยู่บนโต๊ะ พวกเขายังไม่ได้ขยับเขยื้อนมัน ส่วนอาหู่กับอิงหลงถูยกแก้วชาขึ้นมาแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบของเยี่ยนจ้าวเกอ อิงหลงถูก็งงงันเล็กน้อย นิ่งอึ้งอยู่กับที่
หญิงรับใช้ที่ยกชาเข้ามาเห็นเด็กหนุ่มสีหน้าผิดปกติ จึงมองเขาด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มยิ้มพลางหยิบแก้วชามาจากมือของอิงหลงถู “เป็นอะไรไป ชาร้อนเกินหรือ”
หลงเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ พยักหน้าอย่างงุนงง
ส่วนอาหู่มีท่าทางเหมือนปกติทุกอย่าง เพียงแต่เมื่อแก้วชาติดกับริมฝีปาก เขาก็เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ให้น้ำชาเข้าไปในปาก แล้วเอ่ยถามว่า “คุณชาย น้ำชามีปัญหาหรือขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ปลายลิ้นแตะน้ำชาเบาๆ ก่อนจะกระซิบตอบด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จะมาทักทายเรา แต่เหมือนสตรีงามขยิบตาให้คนตาบอด[1] ชานี้พวกเราดื่มได้ไม่เป็นไร”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟยได้ยินดังนั้นต่างยิ้มขึ้น ยกแก้วชาของตนขึ้นมาจิบเบาๆ
ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอวางแก้วชาลง เขาก็กล่าวกับหญิงรับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “รบกวนเตรียมกับข้าวให้พวกเราที”
หญิงรับใช้ขานรับด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ แล้วเก็บถ้วยชาออกไปจากห้อง
อาหู่มองจ้าวเยี่ยนเกอ “คุณชาย เป็นสิ่งใดกัน ข้า พี่เฟย และแม่นางเฟิงตรวจสอบแล้ว ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟยมองมาที่เยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน เขาพลันตอบด้วยรอยยิ้ม “เพราะว่าเดิมทีมันไม่ใช่สิ่งที่เตรียมให้พวกเรา…อ้อ น่าจะบอกว่า คนที่เตรียมให้พวกเราเข้าใจว่า พวกเราเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจเหมือนพวกเขา หรือแม้กระทั่งเป็นสัตว์ปีศาจ”
พวกาอาหู่ได้ยินดังนั้น บนใบหน้าก็ปรากฏแววครุ่นคิดขึ้น
เนื่องจากเยี่ยนจ้าวเกอพูดภาษาของโลกลอยน้ำได้เพียงคนเดียว คนอื่นยังเรียนรู้อยู่อย่างตะกุกตะกักอยู่ ดังนั้นระหว่างที่สนทนากับพวกเกาฟ่าง เขาจึงอธิบายว่าพวกตนเป็นคนชนบท บรรพบุรุษหลบไปอยู่อย่างสันโดษเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
ถึงแม้พวกเกาฟ่างจะไม่เชื่อ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอมิใช่คนของโลกลอยน้ำ
และเนื่องจากความเคยชิน พวกเขาจึงคิดว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจเช่นพวกเขา
“การผสมหญ้าหอยทากภูเขาและต้นปีศาจหุบเขา ก่อให้เกิดอาการชาอย่างรุนแรงต่อสัตว์ปีศาจ สามารถลดทอนพลังวิญญาณของสัตว์ปีศาจ ทำให้อยู่ในสภาวะอ่อนแอ และไม่อาจกระตุ้นพละกำลังได้ชั่วระยะหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่เล็กน้อย “เดิมทีใช้สำหรับจับสัตว์ แต่ถ้าหากข้าทายไม่ผิด ก็น่าจะส่งผลต่อจอมยุทธ์เลือดปีศาจเช่นกัน
“แต่สำหรับพวกเราแล้ว เป็นแค่ผงปรุงชาเท่านั้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “ใช้ของแบบนี้ หมายความว่าพวกเขามองประวัติความเป็นมาของพวกเราไม่ออก”
สวีเฟยกล่าวเรียบๆ “ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“การวางยาน่าจะเป็นเพียงขั้นตอนแรก” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม อาหู่ที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นมา ก่อนจะยิ้มอย่างดุร้ายพลางหักข้อมือและขยับคอเล็กน้อย
…
“พวกเขาดื่มชาแล้วหรือ” สายตาที่เหมือนกับอินทรีของเกาฟ่างมองเหล่าหญิงรับใช้เบื้องหน้า
พวกหญิงรับใช้ตอบกลับอย่างงกๆ เงิ่นๆ “นอกจากเด็กหนุ่มผู้นั้น ทั้งชายสามหญิงหนึ่งล้วนดื่มทั้งหมด”
เกาฟ่างพยักหน้า “ประเสริฐมาก พวกเจ้าไปเถอะ”
ตามคำพูดของเฉินซั่ว ในกลุ่มของพวกเยี่ยนจ้าวเกอมีคนที่สามารถฆ่างูปีศาจเลือดผสมได้ในชั่วพริบตา เรื่องนี้ทำให้เกาฟ่างเกิดความรู้สึกอันตรายและไม่สบายใจ
คนที่คบหากับองค์ชายแห่งฟู่หรานมีมากมายเกินไป ทำให้สำนักปีกอินทรีรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันเกินบรรยาย
บัณฑิตร่างผอมสูงมีความรู้สึกเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขายอมช่วยเหลือ
“เมื่อดื่มชาแก้วนั้นลงไป ต่อให้ยังเหลือแรงสู้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาด้วยตัวเอง ขอแค่กดดันให้พวกเขาทำลายขีดจำกัดจนกลายเป็นครึ่งปีศาจก็พอ” บัณฑิตร่างผอมสูงกล่าว “พอถึงเวลา จะมีคนจัดการพวกเขาเอง”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ยังคิดว่าไม่เหมาะสม…” เฉินซั่วครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวอย่างจริงจัง “ข้า…”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เกาฟ่างก็โบกมือ มีจอมยุทธ์เข้ามาจับเฉินซั่วไปในทันที
เกาฟ่างหันไปมอง เห็นบัณฑิตร่างผอมสูงมองที่พักของพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น คล้ายกับไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างอาจารย์ศิษย์ของเกาฝ่างและเฉินซั่วที่อยู่ด้านข้าง
“ข้าไปก่อน ท่านช่วยระวังหลังให้ข้าด้วย” พูดจบเกาฟ่างก็เดินไปด้านหน้า
เขาก้าวเดินอย่างดุดัน ยืดหลังขึ้นเล็กน้อย ท่าทางร้ายกาจจนถึงขีดสุด คล้ายกับอินทรียักษ์ที่โฉบลงมาจากท้องฟ้า
บัณฑิตร่างผอมสูงมองเงาหลังของเกาฟ่าง ดวงตาเป็นประกาย ‘นำพลังสายเลือดของจ้าวอินทรีเหินมาฝึกได้โดดเด่นถึงเพียงนี้ นับว่าหายากจริงๆ ข้าไม่มั่นใจว่าจะชนะตาเฒ่าผู้นี้ได้ด้วยซ้ำ คนที่รับใช้องค์ชายรัชทายาทมีอยู่ถมไป แต่ที่ยืนหยัดอย่างโดดเด่นอยู่ในเมืองสินธุสเถียรได้มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่สำนักปีกอินรีมีรากฐานเช่นวันนี้มิใช่เพราะโชคดีจริงๆ!’
เขามองเงาหลังของเกาฟ่างเข้าไปในเรือน คิดในใจว่า ‘บางทีไม่ต้องให้ข้าลงมือก็ได้กระมัง’
……………………………………….
[1] สตรีงามขยิบตาให้คนตาบอด สุภาษิตจีน หมายถึง ทำเรื่องไร้ประโยชน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี