สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอจับอยู่บนจี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของจอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะ
จี้หยกคล้ายกับสร้างขึ้นจากหยกขาว งานฝีมือประณีตเป็นพิเศษ และสมจริงราวกับมีชีวิต
ที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ จอมยุทธ์กระเรียนหิมะทุกคนจะมีจี้หยกคนละหนึ่งชิ้น คล้ายกับว่าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะของคนในสำนักกระเรียนหิมะ
เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ถึงการคลื่นปราณวิญญาณที่ส่งออกมาจากในจี้หยกเหล่านี้อย่างตั้งใจ ดวงตาค่อยๆ ทอประกายขึ้น
“เป็นศิลาวิญญาณชั้นยอดจริงๆ ด้วย ทั้งยังเป็นแก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดที่รวบรวมส่วนสำคัญที่สุดไว้อีกต่างหาก” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “สัญลักษณ์บ่งบอกสถานะ ดูเหมือนคนในสำนักจะมีทุกคน หมายความมันไม่ใช่สิ่งที่หายากที่นี่”
เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ สวีเฟย และอิงหลงถูต่างมองหน้ากัน
ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอมีท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนัก
สวีเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเสียงเบา “เหตุใดจ้าวเกอถึงสนใจถึงเพียงนั้น ข้าเคยได้ยินเรื่องศิลาวิญญาณชั้นยอดมาก่อน มันหายสาปสูญไปจากมหาอำนาจแปดพิภพ ก่อนมหาภัยพิบัติมีอยู่น้อยมาก แต่เหมือนกับไม่ใช่ของที่ล้ำค่านัก”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “เป็นเพราะน้อยที่คนรู้ว่าศิลาวิญญาณชั้นยอดมีประโยชน์มาก”
“ศิษย์พี่สวีเฟย คนในโลกลอยน้ำไม่ถนัดใช้ค่ายกลที่ตั้งขึ้นโดยอาศัยความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ เพราะว่าฝึกเลือดปีศาจ จึงศึกษาและสร้างกระบวนทัพที่ให้คนจำนวนมากร่วมกันประสานมากกว่า ทว่าเนื่องจากเวลาในการพัฒนาค่อนข้างช้า กระบวนทัพของพวกเขาจึงยังค่อนข้างตื้นเขินไปบ้าง”
เขาครุ่นคิด “ข้าศึกษาตำราโบราณและซากอารยธรรมมากมายที่ถูกค้นพบ ความจริงมีผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่ เป็นกระบวนทัพที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งก่อนมหาภัยพิบัติ น่าเสียดายที่เงื่อนไขในการตั้งกระบวนทัพค่อนข้างสูง เหมือนเช่นสตรีที่ดีไร้ข้าวมิอาจหุง[1] ได้แต่เก็บไว้บนชั้นวาง
“แต่ถ้าหากมีแก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดจำนวนมาก หนึ่งในสองเงื่อนไขของการตั้งกระบวนทัพจะได้รับการแก้ไข”
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ “เพราะปราณวิญญาณจากใยดิน ของล้ำค่าที่มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์อย่างพวกเราบนโลกลอยน้ำมีน้อยยิ่ง ตลอดทางที่เดินทางมาข้าไม่พบสิ่งของใดๆ ที่พอจะมีความคุ้มค่าเลย เมื่อดูจากมาตราฐานของมหาอำนาจแปดพิภพ หากบอกว่าที่นี่คือดินแดนซึ่งไร้ความเจริญก็ไม่ได้กล่าวเกินไปเลย”
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอจับจ้องอยู่บนจี้หยกข้างเอวของจอมยุทธ์กระเรียนหิมะ “แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “เมื่อครู่ท่านบอกว่าจำเป็นต้องใช้แก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดจำนวนมาก เท่าใดถึงจะเรียกว่ามากเล่า”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “อืม มากกว่าหนึ่งพันจิน[2] กระมัง”
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงมีสีหน้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้
“ศิษย์พี่เยี่ยน ถึงจะทราบว่าเมื่อท่านลงมือ มักก่อให้เกิดผลลัพธ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แต่ว่าผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มเจื่อน “ผลลัพธ์ที่ดีจำเป็นต้องมีต้นทุนมากพอด้วย”
ชายหนุ่มหัวเราะฮ่าๆ “เช่นนั้นหรือ”
สวีเฟยส่ายศีรษะยิ้มอย่างหนักใจเช่นกัน “ข้าเคยได้ยินแค่ศิลาวิญญาณชั้นยอด ไม่เคยได้ยินแก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดมาก่อน แต่ข้ารู้จักหยกครามกับแก่นหยกคราม ศิลาเพิ่มพลังและแก่นศิลาเพิ่มพลัง ดูจากชื่อแล้ว แก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดน่าจะเกิดขึ้นจากการรวมตัวส่วนสำคัญของปราณวิญญาณ”
“ตามปกติแล้ว การรวมตัวของส่วนสำคัญเหล่านั้น ปริมาณที่ได้ อย่างมากก็แค่หนึ่งในร้อยส่วนของก้อนศิลาที่ใช้สร้างเท่านั้น”
“เจ้าต้องการแก่นศิลาวิญญาณชั้นยอดมากกว่าหนึ่งพันจิน เช่นนั้นศิลาที่ต้องใช้มีจำนวนเท่าใดกัน ต้องขุดแร่ที่ใช้สร้างศิลาเหล่านั้นอีกกี่ครั้ง ต้องใช้แร่เท่าใดถึงจะทำให้ความต้องการของเจ้าเป็นจริงได้” สวีเฟยถอนใจพลางกล่าว “ศิลาวิญญาณชั้นยอดของมหาอำนาจแปดพิภพสาปสูญไปแล้ว แต่ต่อให้รวบรวมศิลาวิญญาณชั้นยอดที่ผลิตออกมาทั้งหมดในประวัติศาสตร์ ก็ไม่พอให้เจ้าใช้อยู่ดี”
“ศิลาวิญญาณชั้นยอดในโลกลอยน้ำอาจจะมีมาก แต่จะพอกับจำนวนที่เจ้าต้องการหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง หัวเราะแหะๆ “ข้าอุตส่าห์สนใจโลกลอยน้ำนี้ขึ้นมาหน่อยแล้ว พวกท่านอย่าดับความหวังข้าสิ”
อาหู่ยิ้มซื่อ “คุณชาย ท่านสนใจที่นี่ เกรงว่าที่นี่คงประสบเพทภัยแน่”
ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย “พูดตอนนี้ยังเร็วไป จำเป็นต้องยืนยันเรื่องบางอย่างกับเจ้าสำนักซูก่อน”
ขณะที่พูดกัน ก็มีคลื่นพลังงานอันแข็งแกร่งส่งมาจากที่ไกลออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี