เยี่ยนจ้าวเกอถือปิ่นกระเรียนหิมะด้วยท่าทีสบายๆ “ตามที่ข้าทราบ มารดาของข้าไม่มีญาติร่วมสายเลือดคนอื่นอีก”
ซูอวิ๋นพยักหน้า “เรื่องที่ข้าทราบเป็นแบบนั้นเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากมี สมควรเป็นบุตร”
ชายหนุ่มถามอย่างสนใจ “เช่นนั้นหากบิดาข้ามา จะทำอย่างไร”
เจ้าสำนักกระเรียนหิมะยิ้ม “ถ้าหากสามีของนายหญิงมา ข้าก็ไม่มีทางแยกแยะออก ได้แต่ต้องปฏิเสธ การล่วงเกินเขาเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยง
“แต่ข้าเชื่อว่าด้วยมาตรฐานของนายหญิง เขาย่อมไม่อ่อนไปกว่านาง ข้าไม่น่าจะมีพลังขัดขวางเขาได้”
รอยยิ้มของเยี่ยนจ้าวเกอแปลกประหลาดอยู่เก้าส่วน “เช่นนั้นหมายความว่าข้าดูข่มเหงง่ายอย่างนั้นหรือ”
ซูอวิ๋นส่ายหน้า พูดอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่าข้าจะเป็นคู่ต่อสู้หรือไม่ แต่ถ้ามีคนประสงค์ร้ายต่อนายหญิง ข้าจะสู้ให้ถึงที่สุด”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองจอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่อยู่รอบๆ
เมื่อครู่ซูอวิ๋นพูดในระดับเสียงปกติ ไม่ได้กระซิบแต่อย่างไร ดังนั้นคนโดยรอบจึงได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน
ทุกคนในสำนักกระเรียนหิมะล้วนมีสีหน้างงงัน
ในความทรงจำแต่เดิมของพวกเขา พลังของเจ้าสำนักมักจะทำให้คนคาดเดาไม่ออก ถึงแม้จะบอกว่าพลังฝึกปรือของตนไม่ได้อยู่ในระดับยอดฝีมือสูงสุดของโลกลอยน้ำก็ตาม แต่แค่พลังที่แสดงออกมาก็แข็งแกร่งสุดขีดแล้ว
วรยุทธ์หลอมปราณที่ผู้อื่นมิอาจทำได้ เจ้าสำนักกลับฝึกฝนจนอยู่ในระดับที่สูงส่งที่สุด ไม่ให้จอมยุทธ์เลือดปีศาจเอารัดเอาเปรียบได้
ในฐานะคนเพียงคนเดียวที่ไม่ฝึกฝนสายเลือดสัตว์ปีศาจ แต่เป็นวรยุทธ์ดั้งเดิมก่อนมหาภัยพิบัติ สำนักกระเรียนหิมะยึดครองพื้นที่แห่งหนึ่งในโลกลอยน้ำได้ มิใช่เป็นเพียงเพราะว่าบุตรีของซูอวิ๋นเแต่งงานกับบุตรชายของเจ้าสำนักเขามังกรเขียว
ความแข็งแกร่งของพลังฝึกปรือที่ซูอวิ๋นมีก็เป็นเหตุผลสำคัญเช่นกัน
พูดอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าสำนักไหนจะสามารถแต่งงานกับบุตรชายของเจ้าสำนักเขามังกรเขียวได้
แต่ในตอนนี้ จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะกำลังมองเจ้าสำนักซึ่งพวกเขาเคารพเหมือนเทพเจ้ามาโดยตลอด มีท่าทีเคารพนบน้อม เต็มไปด้วยความศรัทธาในตอนที่พูดถึง ‘นายหญิง’
ซูอวิ๋นในตอนนี้กลับเหมือนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด สีหน้าสงบราบเรียบ ให้ความรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเชื่องช้า “คนที่ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่หน้าตาละหม้ายคล้ายกัน หรือเหมือนกันไม่มีผิด บนโลกใบนี้ใช่ว่าไม่มี”
“ท่านเป็นคนจริงใจ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้ท่าน”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็แบมือ ยื่นปิ่นกระเรียนหิมะมาด้านหน้า จากนั้นก็แบ่งญาณจริงแท้ส่วนหนึ่งส่งเข้าไปด้านใน
ปิ่นกระเรียนหิมะสั่นไหวเล็กน้อยกลางฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ พลันเกิดลำแสงโชติช่วงสว่างวาบขึ้น
ร่างกระเรียนหิมะขนาดยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่าง จากนั้นก็สยายปีกส่งเสียงร้องไพเราะ
ซูอวิ๋นมองกระเรียนหิมะตัวนี้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ดวงตาเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ
จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะคนอื่นมองกระเรียนหิมะยักษ์ตัวนั้นอย่างตกตะลึงเช่นกัน
มีคนบางคนตอบสนองเร็วยิ่ง บนใบหน้าปรากฏความเข้าใจ
ซูอวิ๋นเป็นผู้ก่อตั้งสำนักกระเรียนหิมะ นางยังมิได้เสียชีวิต แต่ในศาลบรรพบุรุษของสำนักกระเรียนหิมะ ลูกศิษย์ทุกคนมีธูปและตะเกียงที่ต้องบูชาแล้ว ธูปและตะเกียงนั้นมิใช่ของซูอวิ๋น แต่เป็นกระเรียนหิมะตัวหนึ่ง
ผู้คนต่างเล่าลือกันไปมากมาย บ้างบอกว่าซูอวิ๋นช่วยชีวิตกระเรียนหิมะ จึงได้รับการตอบแทน จนมีรากฐานของสำนักกระเรียนหิมะเช่นทุกวันนี้
บ้างบอกว่าความสามารถของซูอวิ๋นมาจากกระเรียนหิมะตัวหนึ่ง
ข่าวลือที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้คือ ในอดีตซูอวิ๋นถูกยอดฝีมือผู้หนึ่งเก็บมาเลี้ยง กลายเป็นกึ่งคนรับใช้กึ่งลูกศิษย์ ผู้คนเรียกยอดฝีมือคนนั้นว่ากระเรียนหิมะ แต่ต่อมากลับหายสาปสูญไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี