“ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้น? เด็กน้อยอายุแค่สิบกว่าปีคนนั้นน่ะหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉางเอิน จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะคนอื่นต่างสูดลมหายใจ
จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะแตกต่างกับคนอื่นในโลกลอยน้ำ ต่างเข้าใจดีว่าระดับปรมาจารย์จิตราขั้นชั้นนอกหมายถึงอะไร
สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนลมปราณในโลกลอยน้ำ ปรมาจารย์ขั้นที่สี่ ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของคนส่วนใหญ่
อีกทั้งยังมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปถึง
แต่ว่าอิงหลงถูที่มีอายุแค่สิบกว่าปีในตอนนี้กลับเป็นปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระยะสูงสุด นี่จะไม่ทำให้ทุกคนเกิดความงุนงงได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวฉางเอินเอง หลังจากพบข้อเท็จจริงนี้ ก็ตกตะลึงพรึงเพริด ครู่ต่อมาจึงค่อยตั้งสติได้
เทียบกับสถานะของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การค้นพบนี้ทำให้ฉางเอินตื่นตระหนกยิ่งกว่า
ไม่ทันไร เขาก็ใช้พลังฝึกปรือของอิงหลงถูเชื่อมโยงกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย รู้สึกเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นที่ด้านหลัง
ตอนแรกที่ได้ยินว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดที่เมืองสินธุเสถียร จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะเช่นพวกฉางเอินยังไม่ค่อยสนใจนัก
ถึงอย่างไรประเทศฟู่หรานก็เป็นแค่หนึ่งในสามสิบหกประเทศที่อยู่ใต้การปกครองของสำนักเมฆาโลหิต เทียบกันแล้ว สำนักเมฆาโลหิต สำนักเขามังกรเขียว หรือแม้แต่สำนักกระเรียนหิมะมีความแข็งแกร่งมากกว่า
แต่ว่าตอนนี้ ฉางเอินรู้สึกได้ลึกๆ ว่าตอนนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกออาจจะไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นประเทศฟู่หรานน่าจะถูกทำลายไปแล้ว
จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่อยู่รอบๆ ตัวเขาสติหลุดอยู่นานทีเดียว ก่อนจะมีคนถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า…ข้าไม่ได้สงสัยท่าน แต่เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อจริงๆ
“ท่านคงไม่ได้ดูผิดกระมัง?”
ฉานเอินถอนใจเฮือกหนึ่ง เขาไม่โทษศิษย์น้องของตัวเอง ตอนแรกเขาก็คิดว่าตนเข้าใจผิดเช่นกัน ต้องยืนยันอยู่หลายครั้งถึงจะกล้าแน่ใจ
“พวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่โทษพวกเจ้า เพราะว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่มีพลังฝึกปรือไม่พอ”
เขากล่าวอย่างเชื่องช้า “เสียงชีพจรและเลือดของเด็กน้อยนั้นเชื่องช้ายิ่ง จนแทบจะไม่ได้ยินก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเกาะตัวกันหนาและลื่นไหลต่างหาก”
“ยังจำได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเลือดเป็นดั่งตะกั่วปรอทที่อาจารย์เคยพูดถึง เป็นเอกลักษณ์ที่หลังจากจอมยุทธ์ปรมาจารย์จิตราขั้นชั้นนอกระยะต้นผลัดขนเปลี่ยนกระดูกเป็นรอบที่สองถึงจะมีได้”
ในขณะที่ฉางเอินพูด จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงที่เหลืออยู่ ต่างคำนับพวกเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน
จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะคนอื่นเห็นดังนั้น ในใจก็ไร้ข้อสงสัยอีกต่อไป รีบคารวะบ้าง “พวกเราไร้ความความสามารถ ขอคารวะคุณชายเยี่ยน”
มีบางคนเกิดความรู้สึกหนึ่งอยู่รางๆ
อาจารย์ผู้เป็นต้นกำเนิดสำนักกระเรียนหิมะ ยอดฝีมือผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพจากเจ้าสำนักซูอวิ๋นราวกับเทพเจ้า ถ้าหากมีผู้สืบทอด ก็สมควรมีบุคลิกและพลังเช่นนี้…
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ทักทายทุกคน แต่ว่าก็ละความสนใจอย่างรวดเร็ว แล้วมองซูอวิ๋นใหม่อีกครั้ง
“ท่านน้าซู ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบปี มารดาข้าได้กลับมายังโลกลอยน้ำหรือไม่ แล้วท่านได้เจอนางหรือไม่?”
ซูอวิ๋นกวักมือ “นายน้อยขอเชิญทางนี้ มาที่สำนักกระเรียนหิมะของข้า พวกเราพูดกันระหว่างเดินทางได้”
ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะเรียกพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟย หลังจากทุกคนทำความรู้จักกับซูอวิ๋นแล้ว ทุกคนก็ร่วมทางกัน
หลังจากรับคนแล้ว จอมยุทธิ์สำนักกระเรียนหิมะก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รอบนอกภูเขาหิมะต่อ ต่างร่วมทางกลับสำนัก
ระหว่างทาง ซูอวิ๋นถอนใจพลางกล่าวว่า “ถึงแม้ว่านายหญิงจะไม่เคยพูดถึงเลย แต่ข้าพอจะเดาออกว่านางมิใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกลอยน้ำ แต่มาจากสถานที่อื่น
“ความหมายของรูปสลักหินยากจะเข้าใจ คล้ายกับมีความลี้ลับนับไม่ถ้วน ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ตอนนี้พอนึกถึง บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่นายหญิงทิ้งไว้ให้นายน้อย ข้าคิดไม่รอบคอบจึงแบ่งครึ่งมันมา ทำให้นายน้อยต้องเสียเรื่อง ขอนายน้อยโปรดลงโทษด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ถึงจะทำให้ข้าเสียเวลาไปบ้าง แต่เพราะท่านคิดถึงมารดาข้าสุดบรรยาย ตอนนั้นยังไม่ทราบเรื่อง ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร”
“ตอนนี้รูปสลักหินยังอยู่ที่ท่านน้าซูใช่หรือไม่”
ซูอวิ๋นตอบ “ถูกบูชาอยู่ในศาลบรรพบุรุษ เมื่อนายน้อยตามข้ากลับถึงสำนัก จะเห็นในทันที”
ทุกคนเดินทางอยู่ระหว่างภูเขาหิมะสะพานหยก สุดท้ายก็มาถึงยอดเขา
สำนักกระเรียนหิมะตั้งอยู่ที่นี่
สำนักไม่ได้ใหญ่มากนัก ถึงอย่างไรวรยุทธ์ที่ใช้ฝึกปราณและฝึกร่างกายในโลกลอยน้ำไม่ได้แพร่หลาย คนที่ทวนกระแสเฉกเช่นซูอวิ๋นได้มีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย
“นี่คือสามีของข้า เฉินนั่ว” เมื่อมาถึงสำนัก ซูอวิ๋นก็พาพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปพบบุรุษวัยกลางคนที่มีสีหน้าทรหดผู้หนึ่ง
เฉินนั่วผู้นี้เป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจ เมื่อเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คารวะอย่างไม่ลังเล “คุณชายเยี่ยน”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านเฉิน”
ซูอวิ๋นกล่าวกับสามี “ข้าจะพานายน้อยเข้าไปดูของที่นายหญิงเหลือไว้ที่ศาลบรรพบุรุษ ถ้าหากมีคนมา รบกวนท่านต้อนรับไปก่อน”
เฉินนั่วมีนิสัยใจเย็น เขาพยักหน้า “วางใจเถอะ”
“นายน้อย โปรดตามข้ามา” ซูอวิ๋นพาพวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในศาลบรรพบุรุษ
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าไปมอง สิ่งที่เขาเห็นก็คือรูปสลักน้ำแข็ง สลักรูปกระเรียนหิมะตัวหนึ่งต้องการกระพือปีกบิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี