ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 44

เซียวเซิงก้าวเข้ามาในหุบเขา สายตาจับจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง ดวงตาพลันหรี่เป็นเส้นตรงทันที

ความเยือกเย็นแผ่ออกมาจากดวงตาที่หรี่เล็กทั้งสองข้าง อำมหิตประหนึ่งอสรพิษ

ต่อให้เป็นเสียงทุ้มใหญ่ก็ไม่อาจกลบเกลื่อนความเยือกเย็นนั้นไปได้ “ดีจริง ดีมาก วันนี้โชคหล่นทับข้าจริงๆ ได้พบกับพวกเจ้าทั้งสองในวันเดียวกันและสถานที่เดียวกัน”

บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราปกคลุมของเซียวเซิงเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอเอียงศีรษะเล็กน้อย เพ่งพินิจเซียวเซิง “ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเจ้า ข้ามองแล้วรู้สึกพิลึกชอบกล แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”

เซียวเซิงได้ยินดังนั้น เส้นเลือดที่ขมับก็กระตุกอยู่หลายครั้ง “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้ายังจำได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าพูดไว้ ว่าข้ากับเจ้ายังมีเวลาอีกยาวไกล”

“แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้”

สายตาของเซียวเซิงเคลื่อนไปทางเฟิงอวิ๋นเซิง น้ำเสียงทุ้มต่ำลงไปอย่างมาก “ศิษย์น้องเฟิง กับเจ้า ข้าก็เคยพูดเหมือนกันว่าเจ้าหนีไม่รอดหรอก”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ดูจากสภาพเจ้าแล้ว ตอนนั้นบาดเจ็บสาหัสจริงๆ สินะ”

เซียวเซิงจ้องเฟิงอวิ๋นเซิงตาไม่กะพริบ “ศิษย์น้องเฟิง ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่เกรงกลัวความตาย ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

“แต่ไม่ต้องรีบ ข้าจะทำให้เจ้ารู้เอง ว่าบนโลกใบนี้มีเรื่องอีกมากมายที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก”

“แต่ตอนนี้เวลานี้ ต่อหน้าข้า ความเป็นความตายของเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

น้ำเสียงของเซียวเซิงพลันอ่อนลงมาก ทว่ากลับเผยความความเย็นเยือกเข้ากระดูกออกมา “เชื่อข้าสิ แม้เจ้าคิดอยากจะปลิดชีพตัวเอง เจ้าก็ทำไม่ได้”

เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มจางๆ วรยุทธ์ของนางในขณะนี้อยู่แค่ระดับยุทธ์หลอมกายเท่านั้น แต่เซียวเซิงกลับอยู่ระดับปรมาจารย์ขั้นจิตรานอกระยะท้ายแล้ว

ความห่างชั้นของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมาก ถึงขั้นที่อีกฝ่ายไม่สามารถกำหนดความเป็นความตายของตนได้แล้วจริงๆ

หญิงสาวกำดาบแน่นขึ้นอีก สีหน้าไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “เซียวเซิง เจ้าควรจะขอบคุณข้าที่ช่วยเจ้ากำจัดจุดด้อยที่สุดของเจ้าไปนะ”

“ไม่รู้สึกบ้างหรือ ว่าสองปีที่ผ่านมานี้เจ้าก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก?”

แววตาของเซียวเซิงหม่นลงอีก “ฝีปากเจ้ายังดีเช่นเดิมเลยนะ เยี่ยม ข้าชอบตรงนี้ที่สุด”

“อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะมีเวลาค่อยๆ คุยกันจนพอใจแน่”

“เจ้าคงไม่คิดว่าคนที่อยู่ข้างๆ เจ้าจะปกป้องเจ้าได้หรอกกระมัง ถึงได้มีทีท่าไม่เกรงกลัวเช่นนี้?

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเยาะครั้งหนึ่ง “ตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเจ้าพังไป กำลังมองเจ้าอยู่บนฟ้านะ”

เซียวเซิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ฉุนเฉียวแต่อย่างใด ทว่ากลับผงกศีรษะแทน “ไม่ผิดหรอก เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าเก่งพอตัวจริงๆ”

“ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนข้าดูถูกเจ้า”

“แต่หากเจ้าคิดว่าก่อนหน้านี้ชนะข้าได้เพราะเจ้าได้เปรียบ เช่นนั้นเจ้าก็คงหลอกตัวเองแล้วล่ะ”

ในขณะที่เซียวเซิงพูด ร่างกายของเขาไม่ไหวติง ทว่ากลับมีปราณจิตราอันทรงพลังถูกปล่อยออกมา

ระหว่างที่ปราณจิตราไหลเวียน แสงสีทองอ่อนที่กะพริบอยู่ก็เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

พริบตาเดียว ก็มีวงแหวนสีทองล้อมรอบกายเซียวเซิงไว้

ทันใดนั้น ลำแสงสีทองก็พุ่งกระจายออกไปทั่วสารทิศ และกลายเป็นดาบสีทองที่แปรเปลี่ยนจากแสงตะวันนับไม่ถ้วน

ลำแสงสีทองทะลุทะลวงไปไกลในชั่วพริบตาเดียว ผ่านด้านหลังของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และคนอื่นๆ

ท่ามกลางเสียงที่แสบแก้วหู ลำแสงสีทองจำนวนมากบ้างก็แทงเข้าที่หน้าผา บ้างก็ทิ่มลงบนพื้นดิน จนหน้าผาที่อยู่ด้านหลังเยี่ยนจ้าวเกอเกิดรูเป็นร้อยเป็นพัน

แสงสีทองเหล่านั้นปักนิ่งอยู่นานบนหน้าผา

มันเสมือนกับอาวุธของจริง ที่ปักล้อมเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ เอาไว้ตรงกลาง

บรรดาจอมยุทธ์ชุดดำที่อยู่ข้างหลังเยี่ยนจ้าวเกอล้วนพากันขมวดคิ้วมุ่น

เมื่อเคลื่อนปราณจิตราได้อย่างคล่องแคล่ว ก็สามารถหลอมสร้างมันให้เป็นอาวุธที่มีรูปร่างได้

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกัน ล้วนเหนือชั้นกว่าการปลดปล่อยปราณจิตราสู่ภายนอกของปรมาจารย์ชั้นจิตรานอกระยะต้นอยู่พอควร

นับเป็นสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง

การหลอมรวมปราณจิตราให้เป็นรูปร่าง สามารถใช้โจมตีในระยะที่ไกลยิ่งขึ้น ทำให้ศัตรูหนีไปได้ยากยิ่ง

และนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด เซียวเซิงไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเริ่มลอยจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดอยู่กลางอากาศ

นี่ก็คือสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี