ประกายกระบี่ประหนึ่งมังกรที่ต้องการโบยบิน
ทว่ากลับมีงูทองจำนวนนับไม่ถ้วนเลื้อยพันมังกรเขียวเอาไว้ อีกทั้งยังกัดไม่ปล่อย
มังกรเขียวสะบัดร่างกาย จนงูทองขาดสะบั้นตายไปทีละตัว ทว่าเหมือนกับงูทองจะไม่มีวันหมดสิ้นไป
มังกรเขียวค่อยๆ อ่อนกำลังลง ไม่สามารถบินขึ้นต่อได้อีก ทำได้แค่เพียงปล่อยตัวร่วงสู่พื้นดินให้งูนับหมื่นตัวกัดกิน
ตัวงูนิ่มเหนียวยิ่งกว่ามังกร ขณะที่บีบรัดก็ค่อยๆ ลดทอนพลังลงไปอย่างต่อเนื่อง
ปราณจิตราที่เฉาหยวนหลงปลดปล่อยออกมาทั่วสารทิศ เปลี่ยนจากโลหะแข็งเป็นเส้นด้ายที่รัดพัน สกัดกั้นมังกรเขียวในชายเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างเหลือเชื่อ
ประกายกระบี่สีเขียวค่อยๆ เลือนหายไป ท่อนไม้ไผ่ที่อยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอกลับเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
ดวงตาทั้งสองข้างของเฉาหยวนหลงเผยให้เห็นความสะใจ “เยี่ยนจ้าวเกอ วันนี้ต่อให้เจ้าเปลี่ยนไปใช้กระบี่ของจริง ก็ยากที่จะหลีกหนีความพ่ายแพ้ได้!”
“ไผ่ท่อนนี้ของเจ้า ข้าไม่ทำลายมันหรอก แต่จะเก็บไว้ให้เจ้า ถ้าไม่ฟาดเจ้าให้เลือดอาบหน้า ก็คงดับความโกรธของข้าไม่ได้!”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดไม่จา เพียงแต่มองเฉาหยวนหลงด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดไปบ้าง
เฟิงอวิ๋นเซิงก็จ้องเฉาหยวนหลงเช่นกัน “ฝ่ามือพันอสรพิษ? วิชานี้หายากไม่เป็นที่นิยมเสียยิ่งกว่าวิชาเข็มทองสุริยันเสียอีก แต่เขาก็ฝึกมันสำเร็จจนได้”
‘ฝ่ามือพันอสรพิษ’ แค่ได้ยินชื่อก็รู้ความหมาย เปลี่ยนรูปได้ง่าย ม้วนพันเกี่ยวลอด เป็นวิชาวรยุทธ์จับคู่ต่อสู้ระดับสูง
ทั้งยังเป็นวิชาที่จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเก็บไว้ในคลังวรยุทธ์ของสำนัก
เนื่องจากวิชานี้มีปราณจิตราที่ไม่สอดคล้องกับวรยุทธ์วิชาฝึกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จึงจำเป็นต้องจัดอยู่ในขั้นจิตราชั้นนอก หลังจากที่ปลดปล่อยปราณจิตราสู่ภายนอกได้แล้ว จึงจะสามารถฝึกฝนได้
วรยุทธ์วิชาที่แตกต่างกัน บางครั้งอาจส่งผลให้เกิดการส่งเสริมหรือยับยั้งซึ่งกันและกันเกิดขึ้น
เฉาหยวนหลงฝึกวิชาวรยุทธ์เช่นนี้ได้ถือเป็นผลสำเร็จ สกัดกั้นมังกรเขียวในแขนเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ และมีประสิทธิผลยิ่งกว่าวิชาเจ็ดสุริยะของสำนักเสียอีก
เยี่ยนจ้าวเกอผินหน้ากลับไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “เรียกว่าฝ่ามือพันอสรพิษหรอกหรือ?”
หญิงสาวมองเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมสีหน้ากล้ำกลืน ก่อนจะผงกศีรษะด้วยความกลัดกลุ้ม
“ฮ่าๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไรอีก เขายืนหัวเราะเฉาหยวนหลงอยู่ที่เดิม
ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะ เฉาหยวนหลงก็ยิ่งโมโหมากขึ้น รู้สึกเพียงว่ารอยแผลบนใบหน้าที่หายสนิทไปนานแล้ว เริ่มรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาอีกครั้ง
เขาคำรามเสียงดัง ขณะที่มือทั้งสองกำลังกวัดแกว่งอยู่นั้น งูทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็เลื้อยเข้าโจมตีอีกครั้ง
เซียวเซิงที่ยืนอยู่กลางอากาศโค้งตัวก้มลงมองเยี่ยนจ้าวเกอจากข้างบน “เจ้าเปลี่ยนอาวุธอื่นที่ดีกว่าก็ได้นะ”
“เจ้าน่าจะมีอาวุธวิญญาณสักชิ้นกระมัง? เอาออกมาให้เข้ายลโฉมหน่อยเป็นอย่างไร”
“แต่ในเมื่อวันนี้ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าสามารถให้ศิษย์น้องเฉายืมอาวุธได้ทุกเมื่อ”
“เจ้ายังคิดว่าเจ้าได้เปรียบทางนี้อีก…”
เซียวเซงยังไม่ทันพูดจบ เขาก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พลันโผล่เข้าไปถึงตรงหน้าเฉาหยวนหลง แล้วออกหมัดอย่างรุนแรง
ไม่ใช่กระบี่!
แต่เป็นมือ!
ในขณะที่ใจลอย ตรงหน้าทุกคนก็มืดดับไป
ราวกับเกิดสุริยุปราคา ปราณจิตราทั่วร่างกายของเฉาหยวนหลงถูกกระตุ้น แสงสว่างที่เหมือนกับดวงอาทิตย์มืดดับลงในพริบตา เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอออกหมัด ลำแขนของเขาเสมือนกลายเป็นงูเหลือมยักษ์ที่มีปีกสิบสองตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยยึดครองจักรวาล โดยที่ไม่อาจวัดความยาวร่างกายได้
ราชางูสวรรค์!
กระบวนท่าในตำนาน ที่ทำให้พลังทั่วร่างกายเหนือกว่าเผ่ามังกรจำนวนมากเสียอีก!
หนึ่งหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำเอาปราณจิตราสั่นสะเทือน ประหนึ่งงูสวรรค์กลืนตะวัน กลืนเฉาหยวนหลงลงไปในพริบตา!
พลังอันอ่อนโยนหาใดเปรียบ แม้แต่เสียงลมพัดน้อยนิดก็ไม่มี ทว่าเมื่อระเบิดขึ้นมากลับเหมือนฟ้าดินจะถล่มทลาย
ชั่วพริบตาเดียว เฉาหยวนหลงที่พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ถูกอีกฝ่ายกระเด็นหวือไปเร็วยิ่งกว่าขามาด้วยหมัดเดียว!
ทั้งเซียวเซิงและเฟิงอวิ๋นล้วนนิ่งอึ้งไป
จากนั้นพวกเขาก็มองดูร่างกายของเฉาหยวนหลงที่ลอยออกไปเป็นเส้นโค้ง แล้วตกลงบนพื้นอย่างจัง ทำเอาเขานอนชักอยู่กับพื้นและไม่อาจส่งเสียงได้ เหมือนกับปลาตายหงายท้องอย่างไรอย่างนั้น
ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่ร่วมเดินทางมากับเซียวเซิงและเฉาหยวนหลงยิ่งอ้าปากตาค้างกันอีกครั้ง
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี