โซ่กระดูกมังกรเป็นของวิเศษของสำนักเขามังกรเขียว ถูกจัดเป็นเส้นชีวิตของสำนักเขามังกรเขียว เคียงคู่สายเลือดมังกรไร้เขาชิงชือ
และในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะขยับเส้นชีวิตของสำนักเขามังกรเขียว
ถ้าไม่ขยับตรงนี้ อีกฝ่ายคงไม่ทราบว่าความเจ็บปวดคืออะไร
ถ้าหากบอกว่าสำนักเขามังกรเขียวปฏิเสธ เยี่ยนจ้าวเกอกลับต้องประเมินพวกเขาใหม่
แน่นอนว่านี่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ดี เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้คิดทำลายสำนักเขามังกรเขียวทิ้ง เหลือไว้เพียงแต่เฉินหรงและสามีเท่านั้น
ถูกต้อง ในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ หลัวจิ่งฮ่าวมีสถานะหนึ่งด้วย นั่นก็คือพ่อตาของเฉินหรง ส่วนตำแหน่งเจ้าสำนักเขามังกรเขียว ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
หลัวจิ่งฮ่าวสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกหายใจไม่ออกโดยพลัน เหมือนภูเขาไท่ซานกดทับศีรษะ
เขายิ้มอย่างขื่นขมในใจ ‘เห็นแก่ซูอวิ๋นสองแม่ลูก อย่างน้อยก็ยังไว้หน้าให้อยู่’
เมื่อมอบโซ่กระดูกมังกรให้เฉินหรงแล้ว อย่างน้อยก็ยังถือว่าอยู่ที่สำนักเขามังกรเขียวอยู่
ถึงแม้จะไม่ได้แต่งตามสามี เพราะเฉินหรงเคารพซูอวิ๋นผู้เป็นมารดามากกว่า แต่นางกับสามีรักกันดี ปกติขอแค่สำนักเขามังกรเขียวและสำนักกระเรียนหิมะไม่เกิดความขัดแย้งกัน นางจะถือว่าตนเป็นคนในสำนักเขามังกรเขียว
โดยเฉพาะเมื่อครู่เยี่ยนจ้าวเกอยังพูดด้วยว่า วันหน้าหรงเอ๋อร์สามารถมอบโซ่กระดูกมังกรให้แก่บุตรของตนได้
บุตรของนางก็คือหลานสาวและหลานชายของหลัวจิ่งฮ่าว หากรับช่วงต่อโซ่กระดูกมังกรได้ เขาย่อมยินดี
ความจริงนี่กลับเป็นเรื่องดีสำหรับหลัวจิ่งฮ่าวและตระกูลหลัว
ขอแค่บุตรของเฉินหรงอย่าไม่เอาอ่าวเกินไป ตระกูลหลัวก็แทบจะถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะอยู่ในตำแหน่งเจ้าสำนักไปอีกทั้งชาติ
ต่อให้จะอยู่ในมือของเฉินหรง แต่ถ้าเขามังกรเขียวเกิดความขัดแย้งขึ้นกับขุมกำลังนอกจากเยี่ยนจ้าวเกอและสำนักกระเรียนหิมะ นางจะต้องนำโซ่กระดูกมังกรเข้าต่อสู้แน่
หางตาของหลัวจิ่งฮ่าวกวาดมองเจ้าสำนักอัสนีคำรน
สามสำนักล้วนเสียหายอย่างหนัก พื้นฐานถูกทำลายสิ้น เกรงว่าต่อจากนี้สามสำนักต้องรวมพลังกันเท่านั้น ถึงจะต่อกรสำนักเขามังการเขียวได้
ต่อจากนี้ถ้าหากสำนักเขามังกรเขียวคว้าโอกาสเพิ่มพลังได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสปกครองโลกลอยน้ำเพียงผู้เดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวจิ่งฮ่าวพลันจิตใจสั่นไหว อดมองเยี่ยนจ้าวเกอและซูอวิ๋นไม่ได้
ถ้าหากบอกว่าสำนักเขามังกรเขียวไม่อาจยึดครองโลกลอยน้ำเองได้ ปัญหาเดียวก็คือสำนักกระเรียนหิมะ
สำนักเขามังกรเขียวที่สูญเสียโซ่กระดูกมังกรไป ไม่อาจกดดันสำนักกระเรียนหิมะที่ได้รับโซ่กระดูกมังกรได้อีก!
ถึงแม้ว่าพลังโดยรวมของสำนักกระเรียนหิมะ โดยเฉพาะพลังของลูกศิษย์รุ่นหลังยังรอถูกยกระดับอยู่ แต่เจ้าสำนักซูอวิ๋นกลับโด่งดังอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ ไม่กี่สิบปี
ปกติถึงหลัวจิ่งฮ่าวจะไม่พูด แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเร็วในการพัฒนาตนของซูอวิ๋น
สำนักสามสำนักที่เหลือพิการหมดแล้ว โซ่กระดูกมังกรของสำนักเขามังกรเขียวตกไปอยู่ในมือของสำนักกระเรียนหิมะ หลัวจิ่งฮ่าวเชื่อว่าปีศาจราชสีห์กับปีสาจอัสนี รวมถึงสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่ง เยี่ยนจ้าวเกอสามารถจัดการได้มากกว่าครึ่ง
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ลงมือ ก็ไม่มีใครทำอะไรสำนักกระเรียนหิมะได้
ถึงแม้ว่าวันหน้าเฉินหรงจะมอบโซ่กระดูกมังกรให้แก่บุตรของตน บุตรก็จะตามบิดาและผู้เป็นปู่ มีใจเข้าหาสำนักเขามังกรเขียว ทำให้สำนักได้รับโซ่กระดูกมังกรกลับมาอีกครั้ง แต่ว่าตัวซูอวิ๋นและตัวสำนักกระเรียนหิมะตะได้รับเวลาในการพัฒนาอันมีค่าที่สุด จนกระทั่งต่อให้อาศัยพลังของตัวเอง ก็ไม่มีใครควบคุมได้
ต่อให้ซูอวิ๋นและสำนักกระเรียนหิมะไม่คิดปกครองโลกลอยน้ำ แต่ขุมกำลังอื่นก็ไม่อาจสั่นสะเทือนพวกนางได้
คิดจะครอบงำโลกลอยน้ำ หรือว่าโลกใบอื่น มีตัวตนในตำนาน ทั้งหมดอาศัยความปรารถนาของซูอวิ๋นเพียงผู้เดียว
ขณะที่ความคิดของหลัวจิ่งฮ่าวเคลื่นอนไหวดุจสายฟ้า รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังเย็นเยียบเล็กน้อย ดวงตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะให้มีการควบคุมกันและกัน ครั้งนี้เพียงอาศัยพลังของตัวเองบดขยี้เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี