สำหรับคนธรรมดาและชาวบ้านทั่วไปในโลกลอยน้ำ อาจจะไม่รู้สึกอันใด
แต่ว่าสำหรับจอมยุทธ์ในโลกลอยน้ำ ต่างรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้
ผู้ที่อยู่สุงสุดมิใช่สามปีศาจสี่สำนักอีกต่อไปแล้ว
สำนักเพลิงโหม สำนักอัสนีคำรน และสำนักเมฆาโลหิตถูกทำลาย นอกจากเจ้าสำนักอัสนีคำรนแล้ว เจ้าสำนักเมฆาโลหิต และเจ้าสำนักเพลิงโหมต่างถูกสังหาร ปัจจัยพื้นฐานของสองสำนักถูกทำลาย
ปีศาจปักษา เซ่าเฟิงถิง หนึ่งในสามปีศาจเสียชีวิตที่แดนตะวันตก
ไม่ทันไร ปีศาจอัสนีที่ได้รับการขนามนามเคียงคู่เซ่าเฟิงถิง ก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนคนเดียวกัน
สี่สำนักเหลือลมหายใจรวยริน ส่วนสามปีศาจกลายเป็นประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์
คนที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้ เป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นเหนือใคร ไม่มีใครเทียบติด ‘เยี่ยนจ้าวเกอ’
ก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวคราวของเยี่ยนจ้าวเกอในโลกลอยน้ำเลย
แต่ต่อจากนั้น ชายหนุ่มก็สะเทือนเลือนลั่นในโลกลอยน้ำประดุจอัสนีบาต
ไม่มีใครทราบถึงประวัติของเขา เพียงรู้ว่า หากตอนนี้คิดจะหาคนที่ใช้การได้มากที่สุด และมีคำพูดดุจประกาศิษย์บนโลกลอยน้ำ เช่นนั้นไม่มีใครนอกจากเขา
เยี่ยนจ้าวเกอบอกว่าต้องการแกนศิลาวิญญาณชั้นยอด ทั่วทั้งใต้หล้าล้วนรวบรวมให้เขา
แกนศิลาวิญญาณชั้นยอดในตอนนี้ถูกเก็บรวบรวมและถูกส่งไปที่ภูเขาหิมะสะพานหยก แร่ถูกขุดอย่างบ้าคลั่ง หินถูกหลอมอย่างเร่งรีบ
ปีศาจราชสีห์ คนสุดท้ายในสามปีศาจ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในปัจจุบันแห่งจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจ หลังจากทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ชั่วคราว ก็สั่งให้จอมยุทธ์ครึ่งปีศาจที่อยู่ในอาณาเขตของตัวเอง รวบรวมแกนศิลาวิญญาณชั้นยอด ส่งมอบให้เยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มถามพญาปักษาชิงเหนี่ยว สัตว์ปีศาจระดับสูงสุดบนโลกลอยน้ำว่า อยากจะกรองสายเลือดเพื่อกลายเป็นร่างของหงส์วิเศษเช่นบรรพบุรุษอีกครั้งหรือไม่ พญาปักษาชิงเหนี่ยวเงียบงันอยู่พักหนึ่ง ก็ผละจากสำนักเมฆาโลหิต มุ่งหน้าไปยังแดนตะวันตก
ไม่มีใครสงสัยว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความสามารถทำได้หรือไม่ คล้ายกับขอแค่เขาเอ่ยปาก ก็ทำให้ทุกคนเชื่อก่อนแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอบอกว่าต้องการพบเหออิ่ง ลูกศิษย์หญิงของสำนักเมฆาโลหิต
หลังจากพญาปักษาจากไป ต่อให้สำนักเมฆาโลหิตไม่ยินยอม เมื่อเชิญหน้ากับเจ้าสำนักเขามังกรเขียวและเจ้าสำนักอัสนีคำรนที่มาด้วยตัวเอง ก็ได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หากยังดันทุรังต่อ สุดท้ายได้แต่ถูกทำลายสำนัก
หลายคนรู้สึกไม่ชิน แต่ก็ต้องยอมรับ โลกลอยน้ำที่ตนอาศัยอยู่มาหลายปีเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน
ในขณะที่คลื่นลมมรสุมก่อตัวขึ้นด้านนอก ที่ภูเขาหิมะสะพานหยก ในศาลพบรรบุรุษของสำนักกระเรียนหิมะ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในมิติต่างพบขนาดเล็ก
ใจกลางภูเขาขนาดยักษ์ตรงหน้า มีกระจกทรงกลมครึ่งใบติดอยู่ในร่องที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง บัดนี้ในตำแหน่งที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่งนั้น มีกระแสน้ำไหลเข้าไปสะสมอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะเต็มแล้ว
แสงของน้ำนั้นคล้ายกับกระจก รวมตัวกับกรระจกทรงกลมครึ่งบาน ปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมา
ภาพเลือนราง ก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตานั่งตัวตรง กำหนดลมหายใจอย่างเชื่องช้า ในอากาศรอบๆ ตัว ลอยไว้ด้วยหยกสีขาวบริสุทธ์มากมาย
หยกขาวเหล่านี้มีแสงจางสว่างวาบ แล้วค่อยๆ กลายเป็นละอองแสงชั้นหนึ่ง ครอบคลุมเยี่ยนจ้าเกอเอาไว้
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองละอองแสงเบื้องหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
ในความเลือนราง ลายแสงหลายสายสว่างขึ้นอีกครั้ง เกาะเกี่ยวกันกลายเป็นภาพประหลาดมากมาย ดูเหมือนพิลึกกึกกือ แต่กลับคล้ายกฎเกณฑ์ของฟ้าดิน
‘เลิศล้ำจริงๆ แกนศิลาวิญญาณชั้นยอดบรรจุกฎเกณฑ์ของฟ้าดินไว้มากมาย’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย ในม่านตาทั้งสองข้างคล้ายมีแสงหลายสายสว่างวาบขึ้นสะท้อนกับภาพตรงหน้า
แสงวิญญาณอันเจิดจ้าปรากฏเหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นปรากฏการณ์ของจริง
ในความโกลาหลก่อเกิดเมล็ดกฎเกณฑ์อันลี้ลับออกมา เมล็ดยืดรากและแตกหน่อ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากมิติต่างภพ ถามซูอวิ๋นว่า “ท่านน้าซู พวกเขาอยู่ที่ห้องรับแขกหรือ”
ซูอวิ๋นพยักหน้า เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปที่ห้องรับแขกทันที
เมื่อถึงห้องรับแขก ก็เห็นหลัวจิ่งฮ่าวกับเจ้าสำนักอัสนีคำรนสองผู้มีอำนาจรออยู่ที่นั่น ทันทีที่เห็นเยี่ยนจ้าวเกอมาถึง ทั้งสองก็ส่งเสียงพร้อมกัน “โชคดีที่ไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นด้านหลังคนทั้งสอง ยืนไว้ด้วยสตรีที่มีสีหน้าเซื่องซึมนางหนึ่ง
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ นางก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขา
เขาเห็นความดื้อรั้น ความโศกเศร้า และความเคียดแค้นในดวงตาทั้งสองของนาง
ถูกสำนักของตนเองทอดทิ้ง จากนั้นก็ถูกคนส่งมาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่ต้องการพบตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสตรีนางไหนก็คงไม่พอใจนัก
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงได้รับข่าว ก็พากันมาถึงด้วยความสนใจ หลังจากพบสตรีนางนั้นแล้ว ต่างก็มองหน้ากันเองในทันที
“เหมือนกับศิษย์น้องซือคงจริงๆ” สวีเฟยกระซิบกับเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “อายุใกล้เคียงกับศิษย์พี่ซือคงด้วย”
เทียบกับพวกเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ที่เคยพบโอวหยางฉีและฉางนิ่งมาก่อน ล้วนใจเย็นกว่ามาก
เยี่ยนจ้าวเกอมองสตรีที่เหมือนกับซือคงจิงราวกับแกะ เพียงแค่เปลี่ยนมาใส่เครื่องแต่งกายของลูกศิษย์สำนักเมฆาโลหิตเบื้องหน้า เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ที่ตามเจ้ามา ก็เพื่อจะทดลองเรื่องบางเรื่อง ไม่มีอันตราย เรื่องที่บอกได้ในตอนนี้คือจะไม่ทำให้เจ้าเสียสิ่งใด เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เจ้าพักผ่อนอย่างวางใจเถอะ”
“แต่ว่าเจ้าไม่ต้องคิดกลับไปยังสำนักเมฆาโลหิตแล้ว”
เหออิ่งเงียบงันลง นางฟังออกว่า เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น มิได้ปรึกษากับนาง
เขามองเหออิ่งที่เงียบงัน พลางลูบคางของตัวเอง ในใจรู้สึกขบขัน ‘ข้ากลายเป็นราชาปีศาจไปแล้วจริงๆ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี