เยี่ยนจ้าวเกอกอดอก มองการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่กลางอากาศอย่างออกรส
พลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิงหลงถูในตอนนี้ มิอาจต้านทานกระแสบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างมหาปรมาจารย์กำเนิดญาณได้
พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงยืนอยู่เบื้องหน้า ช่วยพวกนางป้องกันคลื่นลูกหลงจากการต่อสู้ เพื่อไม่ให้พวกนางได้รับผลกระทบ
คนทั้งหกที่ต่อสู้กันล้วนมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะกลางทั้งสิ้น สวีเฟยกับอาหู่ที่อยู่ด้านข้างได้รับแรงกดดันหลายส่วน
“วรยุทธ์ที่อีกฝ่ายฝึกฝนค่อนข้างมีความพิเศษ และมีระดับสูงมาก หากอยู่ในโลกแปดพิภพน่าจะถูกนับเป็นวรยุทธ์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกเช่นกัน” สวีเฟยกล่าวขึ้นหลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง “คนพวกนี้ฝึกฝนจนถึงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณได้ ล้วนมิใช่บุคคลธรรมดา”
บนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอมีความเพลิดเพลินอยู่เล็กน้อย “เจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ กับหกพรรคมาร ตามคำพูดนี้ ขุมกำลังของพวกเขาน่าจะมีทั้งหมดสิบสามแห่ง”
“ไม่รู้ว่ามีขุมกำลังที่เหนือกว่านี้หรือไม่?”
จอมยุทธ์ที่มาจากโลกผืนสมุทรเหล่านี้แตกต่างกับคนในโลกลอยน้ำ หลังจากที่ลงมือจริงๆ แล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอแค่มองก็รู้ถึงความล้ำลึกของพลังฝึกปรือทันที
“ดูจากท่าทีของพวกเขา น่าจะเป็นบุคคลสำคัญในสำนักของตัวเอง แต่ยังมิใช่คนระดับสูงสุด” สวีเฟยกล่าว
“ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยพวกเขาน่าจะมีมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคอยปกป้อง แต่ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวบ้าง “ขุมกำลังสิบสามแห่งเช่นนี้นับว่าน่าดูชมทีเดียว ระดับวรยุทธ์ในโลกผืนสมุทรน่าจะเหนือกว่าโลกลอยน้ำ”
อาหู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มองเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชาย ในสองกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมีฝั่งหนึ่งชื่อเขาหงส์วิเศษด้วย พวกเราจะช่วยฝั่งนี้หรือไม่ขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า อดยิ้มไม่ได้ “ถึงแม้ว่าก่อนมหาภัยพิบัติจะมีคำพูดว่าไว้ว่า ห้าบรรพตสำนักเต๋า ตะวันออกกว่างเฉิง ใต้หงส์วิเศษ แต่ว่าหลังจากมหาภัยพิบัติ ก็ได้ล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”
“สำนักของเราสร้างขึ้นหลังจากมหาภัยพิบัติ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้น อีกฝ่ายก็น่าจะเป็นเหมือนกัน”
“การได้พบกันในวันนี้บังเอิญยิ่ง แต่หากพูดถึงความใกล้ชิดในการกำเนิด ไม่มีเหตุผลใดเลย”
อาหู่ได้ยินดังนั้นก็แบมือ “เช่นนั้นหากทำตามคำพูดนี้ พวกเราแค่ดูก็พอ ถ้าหากเป็นคนรู้จักก็ช่วย แต่ความขัดแย้งตรงหน้านี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเรา”
เจ้าตัวโตมีสีหน้าเสียดายเล็กน้อย
อยู่ใกล้หมึกติดสีดำ อาหู่ได้เลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างจากการอยู่กับเยี่ยนจ้าวเกอมาอย่างยาวนาน ตอนนี้กลายเป็นคนชอบให้เรื่องราวต่างๆ วุ่นวายไป้สียแล้ว
แต่ว่าภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือยืนยันสถานที่ ที่ทางเชื่อมเขตแดนซึ่งจะกลับไปยังโลกแปดพิภพเสียก่อน
ปกติอาหู่ชอบทำตัวสนุกสนาน แต่เวลาต้องจริงจังก็สามารถแยกแยะลำดับความสำคัญได้
สวีเฟยขมวดคิ้ว “ตอนนี้เป็นการใช้พวกมากรุม แต่พวกเราไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ มิอาจแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครเป็นคนชั่วร้าย”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ยกมือขึ้นสังเกตกลุ่มการต่อสู้กลางอากาศ “ไม่จำเป็นต้องแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครดีใครเลวก็ได้”
“หากพบว่าช่วยคนเลว เช่นนั้นก็สังหารทิ้งก็พอ”
ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเช่นนี้ อาหู่ก็หัวเราะเหอะๆ ส่วนสวีเฟยส่ายหน้าพลางถอนใจ พูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู “พวกเจ้าอย่าเลียนแบบเขาล่ะ”
เฟิงอวิ๋นเซิงอมยิ้มงามดุจบุปผา อิงหลงถูคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ
เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจสามีภรรยาที่บังคับประกายกระบี่สีดำสีขาว เห็นบนร่างของพวกเขายังมีแสงวิญญาณของตัวเองสว่างขึ้นด้วย
นอกจากกระบี่ของตนที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลางแล้ว สามีภรรยาคู่นี้ยังมีอาวุธวิญญาณระดับอื่นติดตัวอีก
ของผู้เป็นสามีเป็นเกราะอ่อนชิ้นหนึ่ง ของผู้เป็นภรรยาเป็นกำไลข้อมือชิ้นหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี