ในภาพนั้น สตรีผู้นั้นปรากฏตัวด้านหน้าตราประทับตะวันอย่างฉับพลัน
นางเดินอยู่บนผิวดวงอาทิตย์เหมือนไม่กลัวแสงสว่าง และความร้อนแรงของมันแม้แต่น้อย
มงกุฎจันทราที่อยู่บนศีรษะของนางสาดแสงบริสุทธ์หลายสาย เป็นแสงจันทร์ที่กระจ่างใสดุจสายน้ำ
เมื่อสัมผัสได้ถึงแสงสว่างจากมงกุฎจันทรา ตราประทับตะวันก็คล้ายถูกกระตุ้นเล็กน้อย
แววตาของสตรีนางนั้นจับตัวกันราวกับของแข็ง แสงสว่างสองสายสาดจากในดวงตาทั้งสองข้าง พุ่งลงบนตราประทับตะวันจนสั่นไหวขึ้นมาในทันใด
จากนั้นก็เห็นประกายแสงอันเจิดจ้ารวมตัวกัน ร่างจุติของจิตวรยุทธ์ที่เจ้าของเดิมของตราประทับซ่อนไว้บนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ก็โผล่ออกมา
นางมองเงาคนที่รวมตัวกันจากแสงอาทิตย์อยู่เนิ่นนางไม่พูดจา
ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกแสงอาทิตย์ครอบคลุมไว้ จนไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกถึงความผิดหวังของนางได้รางๆ
“ร่างจุติท่าหมัดหรือ? มิน่าท่านจึงทิ้งตราประทับตะวันไว้ที่นี่ ที่แท้ก็ให้ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ[1]” นางถอนใจเบาๆ เสียงหนึ่ง “ท่านปิดบังผู้คนมากมายจริงๆ แต่กลับไม่รูว่าตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ใด”
นางมองตราตราประทับตะวัน พลางส่ายหน้าเล็กน้อย “ช่างเถิด ในเมื่อท่านทำเช่นนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากแก่ท่าน ปล่อยตราประทับตะวันไว้ที่นี่ต่อไป รอคนที่มีวาสนาต่อมัน”
หลังจากนั้นนางก็กลับหลังหันจากไป น้ำเสียงอ้อยอิ่ง “…ข้าจะทิ้งมงกุฎจันทราไว้ที่โลกนี้เช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอดึงสติกลับมาจากภวังค์ แล้วเชื่อมโยงความคิดกับคำพูดของสตรีนางนั้น
‘หลังมหาภัยพิบัติ มียอดฝีมือรอดชีวิต’ เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจ ‘สตรีนางนั้นมิใช่คนธรรมดาจริงๆ ด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเคยมาปฐพีพิภพ อีกทั้งยังเป็นคนรู้จักของเจ้าเดิมของตราประทับตะวัน’
‘ของประเภทเดียวกันย่อมรวมอยู่ด้วยกัน คนประเภทเดียวกันย่อมอยู่รวมกลุ่มกัน เกรงว่าพลังฝึกปรือของนางจะไม่ต่ำต้อย ต่อให้ไม่สูงนัก ก็น่าจะไม่น้อยกว่าเจ้าของตราประทับตะวันสักเท่าไร’
‘นางเองก็อยู่ในโลกแปดพิภพได้เช่นกัน การคาดการณ์ที่ข้าคิดว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ไม่อาจอยู่ในโลกใบนี้ได้นั้นผิดพลาด หรือความจริงแล้วยังมีเหตุผลอะไรอยู่อีก?’
‘หรือว่าหลังจากมีพลังฝึกปรือสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดจำกัด สามารถเข้าสู่โลกแปดพิภพได้ตามใจ?’
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็สลัดความคิด สายตามองไปยังตราประทับตะวันอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นตราประทับตะวันหรือมงกุฎจันทรา พวกมันก็ล้วนแข็งแกร่งกว่ากระบี่สัตยาทะเลมรกต มาตรสุริยันวัดสวรรค์ เสื้อคลุมนภา และขวานจามสวรรค์
เพียงแต่คนในยุคปัจจุบันไม่อาจใช้พลังทั้งหมดที่อยู่ด้านในได้ ได้แต่ใช้เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น
เยี่ยนจ้าวใช้เสื้อคลุมเอกพิสุทธิ์คลุมฟางจุ่นไว้ จากนั้นก็เข้าใกล้ตราประทับสีทอง
ท่าหมัดวรยุทธ์ของเจ้าของตราประทับคนเดิมครั้งนี้กลายเป็นผนึก สะกดประตูทางเชื่อมระหว่างนพยมโลกและโลกแปดพิภพโดยสิ้นเชิง ตราประทับตะวันสามารถออกห่างจากที่นี่ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ตลอดก็ได้
‘ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ…รอคอยผู้มีวาสนา…” เยี่ยนจ้าวเกอตกตะกอนความหมายที่อยู่ในคำพูด “ร่างจุติของท่าหมัดนั้นหายไปแล้ว ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ปิดบังผู้อื่นเรียบร้อย ประตูนพยมโลกก็ถูกผนึกเอาไว้แล้ว หมายความว่าสามารถเก็บตราประทับตะวันไปได้แล้วกระมัง?’
ตราประทับตะวันในตอนนี้เป็นสีแดงคล้ายหยกคล้ายสำริด เหมือนกับเป็นตราประทับทั่วไป
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามืออกมา กลางฝ่ามีแสงอาทิตย์สว่างขึ้น กำตราประทับตะวันเอาไว้
ตราประทับตะวันสั่นไหวเล็นก้อย แสงสีทองสว่างขึ้นแล้วหายไป พริบตาเดียวก็เงียบงันเหมือนเก่า
‘สตรีแห่งจันทราบรรลุสู่ะดับปรมาจารย์ก็สามารถใช้มงกุฎจันทราได้แล้ว แต่ตราประทับตะวันกลับเหมือนต้องการให้พลังฝึกปรือของข้าสูงกว่านี้’
คิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอขมวดขึ้น จากนั้นก็คลายออก ‘มงกุฎจันทรา มีเพียงสตรีที่มีร่างแห่งจันทราเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ตราประทับตะวันนี้ไม่ต้องการเงื่อนไขพิเศษอันใด เพียงต้องฝึกฝนคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์เท่านั้น’
ครั้นคิดถึงคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์ เยี่ยนจ้าวเกอก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงแม้จากการทำความเข้าใจจิตพลังของตราประทับตะวัน ตนเองจะขัดเกลาคัมภีร์นี้ได้คร่าวๆ แล้ว
ทว่าสิ่งที่ได้จากคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์นี้ ก็มีเพียงความหมายที่แท้จริงของพลัง ซึ่งบริสุทธ์และดั้งเดิมในเวลาเดียวกัน สอดคล้องกับหลักการแห่งฟ้าดิน
คงจะต้องใช้เวลาอีกมาก หากคิดจะใช้พลังของมันโดยสมบูรณ์ รวมถึงทำความเข้าใจความอัศจรรย์ทั้งหมดที่อยู่ภายใน
หากต้องการวิเคราะห์ความอัศจรรย์ของคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์ ก็คงต้องใช้วิธีเช่นเดียวกันกับการถอดรหัส
ขณะที่กำตราประทับตะวัน เยี่ยนจ้าวเกอก็สูดหายใจลึก ลองใส่มันลงในถุงย่อส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี