เยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้ามองฟางจุ่นที่หน้าซีดราวกระดาษ อีกฝ่ายเหมือนกับกำลังหลับลึก จากนั้นเขาก็มองหลุมดำอีกครั้ง
แสงของกระจกยังสูงส่งเกือบจะหยุดหลุมดำไม่ไหวแล้ว
เมื่อสูญเสียความตั้งใจจากหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่นไป ทางเข้าหลุมดำก็ค่อยๆ ปิดตัวลง
กระแสปั่นป่วนของมิติอันไร้สิ้นสุดมีสภาพโกลาหล ร่างของหยวนเจิ้งเฟิงค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป และหายไปด้านในนั้น
ร่างเงาที่ไม่สูงและออกจะผอมบางไปบ้างของชายชรา แต่ไหนแต่ไรล้วนสง่างามและดูองอาจ บัดนี้ยิ่งเหมือนกับจุดศูนย์กลางของโลก
เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางอากาศ ใช้ญาณจริงแท้ยกร่างของฟางจุ่นไว้ ในขณะที่ตนคำนับหยวนเจิ้งเฟิงซึ่งหายไปในหลุมดำ
ชายหนุ่มรักษาท่วงท่าคำนับอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะกล่าวขึ้นเสียงเบา “อาจารย์ปู่ โปรดรักษาตัวด้วย พวกเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่”
เขาสั่นไหวญาณจริงแท้ ครอบคลุมละอองเลือดจางๆ ที่อยู่บนร่างของฟางจุ่น จากนั้นก็เก็บไว้
หลังจากสูดหายใจลึกครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็มองดูอาจารย์ลุงสองของตนอีกครั้ง
จากการตรวจสอบโดยญาณจริงแท้และปราณจิตรา เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ของฟางจุ่นย่ำแย่ยิ่ง
การหลอมเลือดของตัวเองเป็นกระบี่ ทำให้ฟางจุ่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เกือบจะเสียชีวิตเลยทีเดียว
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวได้ใกล้เคียงแล้ว แม้ว่าจะไม่ถูกหลุมดำกลืนกิน ฟางจุ่นในตอนนี้ก็อาจจะตายได้ตลอดเวลา
เหตุผลที่หยวนเจิ้งเฟิงใช้พลังทั้งหมดส่งฟางจุ่นออกมา ความจริงเพราะยังคงกอดความหวังอันน้อยนิดไว้ หวังว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอจะมีวิธีช่วยฟางจุ่นได้
และหวังเป็นพิเศษว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ที่นี่จะช่วยได้ทันเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ทำให้หยวนเจิ้งเฟิงผิดหวัง เขาล้วงเข็มสีทองเล็กยาวหกเล่มออกมาจากในถุงย่อส่วนของตัวเอง จากนั้นก็ฝังลงบนจุดลมปราณสำคัญทั้งหกบนร่างของฟางจุ่นอย่างรวดเร็วเหมือนพายุ
จากนั้นชายหนุ่มก็เติมญาณจริงแท้ของตนใส่ร่างของฟางจุ่น
เขาในตอนนี้มีญาณจริงแท้ทั่วร่างเต็มเปี่ยมยิ่ง เพียงแต่ต้องรอหลอมรวมเท่านั้น การใช้ญาณรักษาอาการบาดเจ็บของฟางจุ่นในตอนนี้ย่อมไม่เป็นอะไร
ในขณะเดียวกัน เข็มสีทองอีกเก้าเล่มก็อยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง เขาฝังเข็มบนร่างของฟางจุ่นอีกหนหนึ่ง ทิ้งเข็มสีทองไว้บนร่างของฟางจุ่น ไม่ได้ถอนกลับ
สุดท้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็ประสานฝ่ามือ เสื้อคลุมนภาครอบคลุมร่างของฟางจุ่นเอาไว้ใหม่
บนเข็มสีทองสิบห้าเล่มมีเส้นสีทองสายหนึ่งยืดออกมา เชื่อมต่อกับเสื้อคลุมนภา เหนี่ยวนำปราณพิสุทธิ์มากมายบนเสื้อคลุมให้เสริมร่างกายของฟางจุ่น
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูอย่างละเอียด จนในที่สุดก็เห็นใบหน้าอันซีดขาวของอาจารย์ลุงสองมีสีเลือดเพิ่มขึ้นหลายส่วน เขาจึงระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
‘บัดนี้อาการทรงตัวแล้ว น่าจะไม่แย่ไปกว่านี้ แต่จำเป็นต้องใช้เวลาจัดการสักพัก ถึงจะคืนชีพขึ้นมาได้ จะอาจารย์ลุงสองให้ออกห่างจากการคุ้มครองของเสื้อคลุมนภาไม่ได้ จำเป็นต้องให้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ดูแลอย่างยิ่ง’
ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว แสงวิญญาณหลังศีรษะหายไปแล้ว
จากนั้นเขาก็มองดูสภาพแวดล้อมในเหวลึกของปฐพีพิภพรอบๆ ถึงแม้ว่าจะยังมีหมอกดำวนเวียน แต่ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว
มาตรว่าจะยังคงเป็นดินแดนแห่งความตาย แต่วิญญาณร้ายจากนพยมโลกและกลิ่นอายมารอันน่ากลัวก็เบาบางลงมาก
เขาก้มหน้าลงไปมอง หลังจากอาคมสีทองขนาดยักษ์ผนึกประตูของยมโลกไว้อีกครั้ง มันก็ค่อยๆ หายไป ซ่อนอยู่ในหมอกสีดำอีกครั้ง
การเสียสละของตนและพวกอาจารย์ปู่นับว่าไม่สูญเปล่า
ถ้าหากว่าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ผนึกนี้น่าจะคงอยู่ได้อีกนาน
ครั้นคิดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองตราประทับสีทองกลางอากาศ
ยังไม่ต้องพูดว่าในอดีตเคยใช้ตราประทับนี้ผนึกประตูนพยมโลกนานหลายปีได้โดยไม่ผุพัง พูดถึงแค่ตอนนี้ ร่างจุติของท่าหมัดที่เจ้าของร่างเดิมของตราประทับนี้ทิ้งไว้ คิดไม่ถึงว่าจะผนึกประตูนพยมโลกได้อีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี