เยี่ยนจ้าวเกอรั้งสายธนูให้โค้งดุจดวงจันทร์เต็มดวง พลางมอง ‘ตงเซิงจวิน’ ที่คิดหนี
ทันทีที่เขาปล่อยมือ สายธนูสั่นไหวส่งคันศรทำลายมารออกไป พุ่งทะลุความว่างเปล่า ปักใส่กลางอกของ ‘ตงเซิงจวิน’!
‘ตงเซิงจวิน’ คิดหลบหลีก ทว่าเมื่อครู่ได้รับพลังงานของตราประทับสีทอง ขยับเขยื้อนไม่ได้เพราะบาดเจ็บหนัก คันศรทำลายมารจึงทะลุจากด้านหลังออกไปด้านหน้า ทะลวงร่างของเขาในครั้งเดียว
รูที่เปิดออกกลางอกเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ทำให้ ร่างกายของ ‘ตงเซิงจวิน’ ถูกบาดแผลบนร่างตัวเองกลืนกินกลับ
“แค่ร่างแยกร่างเดียว” เขาแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง ร่ายกายหยุดดิ้นรน คล้ายกับไม่สนใจ เพียงแต่เสียดายอยู่บ้างเท่านั้น
แต่ว่าในวินาทีถัดมา ใบหน้าของ ‘ตงเซิงจวิน’ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “…คันศรทำลายมาร?! ในโลกนี้มีคนรู้วิธีหลอมคันศรทำลายมารด้วยหรือ?”
ไม่ใช่แค่ร่างกายของ ‘ตงเซิงจวิน’ ที่กำลังพังทลายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ในสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปอีกมิติหนึ่ง ก็เหมือนกำลังมีอะไรบางอย่างพังทลายไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน
ประตูนพยมโลกที่ถูกอาคมสีทองผนึกไว้เบื้องล่าง พลันสั่นไหวขึ้นครั้งหนึ่ง
ฝั่งตรงข้ามของประตูคล้ายกับเกิดการซัดสาดอย่างรุนแรง ความโกรธ ความแค้น ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังทะลุมิติออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บคันธนูหลังจากยิงออกไปครั้งหนึ่ง ไม่มอง ‘ตงเซิงจวิน’ อีก เขาหมุนตัวพุ่งไปที่หลุมดำซึ่งอยู่อีกด้าน
ที่ด้านหลังมีเสียงโหยหวนครั้งสุดท้ายของ ‘ตงเซิงจวิน’ ดังมา จากนั้นทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
ภายในเหวลึกของปฐพีพิภพยังคงเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายจากนพยมโลกที่กำลังกระจัดกระจาย แต่ว่าในตอนนี้เหล่ามารร้ายที่บ้าคลั่งได้หายไปแล้ว
แสงสีทองบนผิวของตราประทับสีทองสลายไป กลิ่นอายอันแข็งแกร่งถูกกักเก็บ เพียงลอยอยู่ที่นั่นราวกับตราประทับสำริดสีแดงทั่วไปอันหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งไปยังด้านหน้าหลุมดำโดยไม่ได้สนใจตราประทับนี้นัก
แรงดึงดูดอันมหาศาลที่หลุมดำส่งมา คิดจะดูดเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปด้านใน
ชายหนุ่มนำกระจกยังสูงส่งออกมา ก่อนจะเติมญาณจริงแท้ของตนเองเข้าไปด้านใน กระตุ้นแสงกระจกสายหนึ่งออกมา
แสงกระจกสาดลงบนหลุมดำ หลุมดำคล้ายกับหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะ
หลังจากทรงตัวได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รีบมองไปด้านในหลุมดำ
เขาเห็นร่างของหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่นจมลงไปในพายุหมุนไร้รูปร่าง และยังคงจมลงไปอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวด พวกหยวนเจิ้งเฟิงเข้าไปในหลุมดำเองแตก ต่างกับพวกมารร้าย และได้จมลงไปอยู่ในระดับที่ยากจะหวนกลับอีกแล้ว
แสงกระจกยังสูงส่งหยุดทางเข้าหลุมดำเอาไว้ แต่ว่าพวกหยวนเจิ้งเฟิงกลับยังคงจมลงด้านล่างต่อ เกือบจะหายลับไปในกระแสปั่นป่วนของมิติที่ไร้สิ้นสุด
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองตราประทับนั้น
ตราประทับแข็งแกร่งเกินไป ยากจะใช้งาน
ร่างจุติท่าหมัดที่เจ้าของตราประทับทิ้งไว้ เป็นสิ่งที่ใช้สำหรับปิดผนึกนพยมโลกอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนี้มันสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว ทันทีที่สลายไป ตราประทับก็เข้าสู่สภาวะเงียบงันอีกครั้ง อีกทั้งยังเงียบงันยิ่งกว่าก่อนหน้า
ในกระแสปั่นป่วนของมิติ หยวนเจิ้งเฟิงที่สวมเสื้อคลุมเอกนภายืดปราณพิสุทธิ์หลายสายออกไปอย่างไร้สิ้นสุด พันเกี่ยวกับหลุมดำเอาไว้
ชายชรามีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม “กลิ่นอายมารด้านนอกถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว ดูท่าไม่ใช่เฉินหัวล้านที่ไปแล้วกลับมา แต่เป็นฝีมือของจ้าวเกอกระมัง?”
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นสะท้าน “ไปแล้วกลับมา? เกิดอะไรขึ้นกับเฉินลี่หรือขอรับ”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “หนีไปแล้ว
“หากเขาไม่หนี พวกเราคงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีตกตายร่วมกันเช่นนี้ อาจจะฝืนทนรอเจ้าทำสำเร็จได้”
“แต่ว่าเพราะเขาหนีไป ตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรแม้แต่น้อย และไม่ได้รับผลเสียจากนพยมโลก” หยวนเจิ้งเฟิงหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง “หากมองเช่นนี้ เฉินหัวล้านก็ฉลาดกว่าข้าจริงๆ”
ชายหนุ่มพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม “เฉินลี่…”
“โง่ก็โง่เถอะ ข้าไม่เสียใจ” หยวนเจิ้งเฟิงเอ่ย “ข้าเข้ามาในกระแสปั่นป่วนของมิติ อาจจะไม่ตายก็ได้ ไม่แน่ว่าวันหน้าคงจะมีโอกาสกลับโลกแปดพิภพ หรือสักวันพวกเราคงได้เจอกันบนในโลกแห่งอื่น”
เขามองไปอีกทาง ฟางจุ่นหลับตาสองข้าง ไม่รู้สึกตัว คล้ายกับนอนหลับ
“แต่อาจารย์ลุงสองของเจ้าทนไม่ไหวแล้ว เขาสูญเสียเลือดอย่างหนัก ต่อให้ไม่เข้ามาในกระแสปั่นป่วนของมิติ ก็อาจจะตายอยู่ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี