ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 490

เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไกลออกไป เขาไตร่ตรองในใจไปพลาง เข้าใกล้ประตูทางเชื่อมเขตแดนไปพลาง

สงครามแห่งยุคที่เกิดขึ้นจากพลังของยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงคลื่นที่หลงเหลืออยู่ ก็ทำให้จอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ต้านทานไม่ไหวและเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหัน อีกทั้งยังเข้าใกล้ใจกลางสนามรบ จึงดูโดดเด่นในสายตาของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ

ชายหนุ่มรู้สึกว่าพลังฝึกปรือในตอนนี้ของตน มิอาจป้องกันการโหมพัดของคลื่นเพลิงที่ซัดสาดได้

แทบจะเป็นในชั่วพริบตา ร่างก็เกือบจะมอดไหม้แล้ว

แต่เขายังคงมีสีหน้าราบเรียบ ใช้สองมือวาดรูปประหลาดมากมายกลางอากาศด้านหน้า

แสงสีขาวบนรูปภาพสว่างไสว กลายเป็นเส้นสีขาวสายหนึ่งวาดผ่านอากาศ ก่อนจะตกลงไปในโลกแสงสีขาวที่เกิดขึ้นจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

ด้านในค่ายกลพลันปล่อยลำแสงสีขาวลงมาครอบคลุมเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้ จากนั้นก็พาเขาเข้าไปภายใน

เหล่ายอดฝีมือมากมายบนทะเลตะวันออกจึงค่อยคิดขึ้นได้ว่า เยี่ยนตี๋เคยกล่าวไว้ ว่าค่ายกลอันแข็งแกร่งที่สั่นสะเทือนโลกแปดพิภพ ล้วนเป็นการค้นพบของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายแล้ว เขาเห็นบิดาของตนเอง ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย ซ่งอู๋เลี่ยง ทั้งสี่คนกำลังขับเคลื่อยค่ายกลอยู่ตรงกลาง

ในค่ายกลยังมีผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลิน และเมิ่งหวานที่มีมงกุฎจันทราอยู่ด้วย

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียนได้รับบาดเจ็บปางตาย อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขวานจามสวรรค์ก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยเช่นกัน

ในตอนนี้ฉู่เหยียนกลับภูผาพิภพ โดยมีจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนคุ้มเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะขวานจามสวรรค์จะยังคงอยู่ และได้รับการดูแลจากยอดฝีมือของเขาไร้พรมแดนผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับคามเสียหายอย่างหนักหน่วงชิ้นนี้ ในตอนนี้รั้งอยู่ด้านนอก บัญชาการอยู่ที่ศูนย์กลาง ช่วยเหลือจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่นกวาดล้างปีศาจอัคคีที่หนีเข้ามายังทะเลตะวันออก

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอเห็นมงกุฎจันทรา แม้ใบหน้าของเขาจะไร้อารมณ์ แต่จิตใจสั่นสะท้านเล็กน้อย

เขารู้สึกได้ว่า ตราประทับตะวันที่อยู่ในสภาวะหลับใหล และไม่มีความผิดปกติใดๆ หลังจากตนเก็บไว้ในถุงย่อส่วน ในตอนนี้ถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

มีอารมณ์ที่คล้ายกับมนุษย์สายหนึ่งส่งออกมาจากในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ราวกับสหายเก่าได้พบพานกัน

เมิ่งหวานที่ใช้มงกุฎจันทราอยู่พลันดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย คล้ายกับรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวอันผิดแผกไปที่มงกุฎจันทราส่งมา

แต่ว่าความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในพริบตาเดียว ไม่ทันไรตราประทับตะวันก็เงียบงันลงอีกครั้ง สงบลงคล้ายกับเมื่อครู่นี้เป็นเพียงความรู้สึกมายา

เยี่ยนจ้าวเกอสลัดความคิดของตนทิ้งไป สนใจเหตุการณ์ตรงหน้าก่อน

ครั้นเยี่ยนตี๋เห็นเยี่ยนจ้าวเกอ เขาไม่ได้สนใจความยินดีที่พ่อลูกได้พบกัน เพียงแต่ถามโดยตรงว่า “จ้าวเกอ สถานการณ์ทางปฐพีพิภพเป็นอย่างไรบ้าง”

“ปฐพีพิภพไม่มีปัญหาใหญ่อีกแล้ว ความผิดปกติสงบลง การรุกรานของนพยมโลกถูกสะกดอีกครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชั่วคราว” เยี่ยนจ้าวเกอรายงานอย่างรวดเร็ว “เพียงแต่จอมยุทธ์ผู้อาวุโสของแต่ละสำนักได้รับบาดเจ็บสาหัส โลกแปดพิภพสูญเสียอย่างใหญ่หลวง”

ขณะที่พูด ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎประกายเย็นเยียบ “เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ เฉินลี่หนีไปกลางคัร!”

พวกเยี่ยนตี๋ตอนแรกรู้สึกผ่อนคลาย แต่ต่อมาก็เกิดความตึงเครียด

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้บอกว่าหยวนเจิ้งเฟิงเป็นอย่างไร แต่พวกเยี่ยนตี๋ที่สังเกตสีหน้าของชายหนุ่มได้ ต่างก็เดาออกว่าชีวิตของหยวนเจิ้งเฟิงอย่างน้อยก็ยังไม่มีอันตราย

แต่ว่าภัยพิบัติบนปฐพีพิภพสงบลงแล้ว หยวนเจิ้งเฟิงกลับไม่ได้มาช่วยทะเลตะวันออก หมายความว่าสถานการณ์ของเขาคงไม่ดีมากนัก

เฉินลี่เองก็ไม่ได้มายังทะเลตะวันออกเช่นกัน ในใจของทุกคนอดเกิดความคับแค้นไม่ได้

การต่อสู้กับปีศาจอัคคีในปัจจุบันมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว ถ้าหากว่าหยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่มาร่วมสงครามได้ เช่นนั้นเผ่ามนุษย์ย่อมเอาชนะได้อย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋ “ท่านพ่อ ยินดีด้วยที่ท่านเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี