ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 52

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะคำพูดของจิ่นอ๋องอยู่ในลำคอ

ท่านจิ่นอ๋องที่มุ่งหวังในตำแหน่งราชาถังตะวันออกอยู่ตลอดเวลาผู้นี้ ไม่ได้พูดเพราะหวังดีเป็นแน่

แม้ว่าเขาจะเป็นมหาปรมาจารย์ ทว่าด้านประสบการณ์และโลกทัศน์กลับเทียบเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เลย

พอมองออกอยู่ว่าความสามารถของจ้าวฮ่าวไม่ธรรมดา แต่เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงเงื่อนงำความลับที่มากกว่านั้น

จ้าวซื่อเลี่ยมองว่า แม้ว่าจ้าวฮ่าวจะเอาชนะจอมยุทธ์ระดับหลอมกายทั้งสองคนได้ ทว่าหากยุยงจนจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงที่เป็นอยู่ในระดับปรมาจารย์ให้ลงมือได้ จ้าวฮ่าวจะต้องโดนเล่นงานยับในท่าเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

ความจริงแล้วไม่เพียงแค่จ้าวซื่อเลี่ย ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นเป็นเช่นนั้น

ขณะนี้ที่พวกเขามองดูจ้าวฮ่าวที่เป็นฝ่ายยั่วยุ ก็เหมือนกับมองดูคนบ้าคนหนึ่ง

แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เห็นเช่นนั้น จ้าวฮ่าวอยากข้ามช่องว่างระหว่างระดับหลอมกายและระดับปรมาจารย์ยังคงเป็นเรื่องยาก แต่หากจะเผชิญหน้ากับจ้าวหยวนและจ้าวเฉิง กลับไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ จนถึงขั้นที่เขาไม่สามารถประมือด้วยได้

วิถีฝึกฝนวรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างยิ่ง ส่วนความรอบรู้ โลกทัศน์ หรือประสบการณ์ นั่นยิ่งห่างชั้นเข้าไปใหญ่ หากจะบอกว่าฝ่ายหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกฝ่ายหนึ่งอยู่บนดินก็ไม่เกินไปนัก

สายตาที่จ้าวฮ่าวมองจ้าวซื่อเลี่ยนั้น แท้จริงแล้วก็มีความไม่ใส่ใจอยู่ในนั้นเล็กน้อย เพียงแต่เมื่อเทียบกับการมองจอมยุทธ์ในระดับปรมาจารย์แล้ว ก็ดูให้ความสำคัญขึ้นมาหลายส่วน

จ้าวซื่อเลี่ยก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีเด่อะไรกับจ้าวฮ่าวอยู่แล้ว ทว่าในความคิดของเขา จ้าวฮ่าวสามารถช่วยเขาเล่นงานจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงได้

เกิดการต่อสู้ภายในระหว่างลูกหลานของราชาอาณาจักรถังตะวันออก ยิ่งสู้กันดุเดือดเท่าไร ยิ่งเป็นปรปักษ์กันมากเท่าไร ก็ยิ่งดีต่อจ้าวซื่อเลี่ยมากยิ่งทั่น้น

เดิมทีจ้าวฮ่าวเป็นคนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทว่าบัดนี้เขากลับก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นับเป็นเป็นตัวหมากที่ดีตัวหนึ่งสำหรับจ้าวซื่อเลี่ย

ส่วนหากในอนาคตจ้าวฮ่าวแข็งแกร่งกว่าจ้าวหยวน และส่งผลกับตำแหน่งของจ้าวซื่อเลี่ย นั่นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง

อย่างไรเสียจ้าวฮ่าวในขณะนี้เป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ระดับหลอมกายคนหนึ่งเท่านั้น

“สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของอาณาจักรถังตะวันออกของเราในเกาะนภาตะวันออกคืออะไรหรือ กลั่นโอสถใช่หรือไม่ ประลองกันด้วยสิ่งนี้เป็นอย่างไรเล่า ไม่ทำลายมิตรภาพด้วย”

จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงก็ไม่ใช่ลูกที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวแต่อย่างใด เชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรถังตะวันออกล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นโอสถ เช่นเดียวกันกับการฝึกวรยุทธ์และการปกครอง ซึ่งสืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน

หอศิลาโอสถ องค์กรการกลั่นโอสถที่ใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินถังตะวันออก แท้จริงแล้วมีราชสำนักอยู่เบื้องหลัง

‘การที่จ้าวซื่อเลี่ยเสนอความคิดนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักจ้าวฮ่าวดี นี่ช่างน่าสนใจเสียจริง’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ เพียงสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา มองดูการแสดงของจ้าวซื่อเลี่ย

จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงเองก็มองเห็นจุดนี้เช่นกัน จึงมีความลังเลอยู่บ้าง ทว่าก็ไม่อยากยอมจำนนให้

พวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นโอรสของฮองเฮา คนหนึ่งเป็นโอรสของกุ้ยเฟย ทว่ามารดาผู้ให้กำเนิดจ้าวฮ่าวเป็นเพียงแค่นางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น

สภาพแวดล้อมในการเติบโตและการอบรมสั่งสอนของทั้งสองล้วนเหนือกว่าจ้าวฮ่าวนัก

การประลองวรยุทธ์ หากจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เล่นงานจอมยุทธ์ระดับหลอมกาย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถึงจะชนะได้ก็ไม่มีอะไรน่ายินดี

ทั้งสองมองจ้าวฮ่าวแวบหนึ่ง แล้วผงกศีรษะ บ่งบอกว่าตกลง

ถึงแม้ว่าความสามารถและวรยุทธ์ของจ้าวฮ่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองก็ยังไม่เชื่อว่าจ้าวฮ่าวจะเอาชนะพวกเขาในด้านการกลั่นโอสถได้

จ้าวซื่อเลี่ยยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีความรู้เกี่ยวกับวิชายาอยู่บ้าง ทำให้ผู้อาวุโสแห่งหอศิลาโอสถให้ความเคารพข้า ท่านผู้เฒ่าหวังก็อยู่ที่นี่พอดี ทั้งคุณชายเยี่ยนก็มีความรู้ล้ำลึก ข้าร่วมกับพวกเขาสามารถชี้แนะให้กับพวกเจ้าได้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ว่าจะยิ้มดีหรือไม่ ส่วนจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปกำลังประคองชายชราคนหนึ่งมา

เมื่อเห็นชายชราคนนี้ จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงต่างก็เข้าไปทักทาย “ท่านผู้เฒ่าหวัง สวัสดีขอรับ”

มีเพียงจ้าวฮ่าวที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพียงผงกศีรษะเบาๆ ให้กับชายชราเท่านั้น

ท่านผู้เฒ่าหวังไม่เพียงแต่ไม่ถือโทษเท่านั้น ทว่ากลับหันไปผงกศีรษะให้กับจ้าวฮ่าวอีกด้วย

จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงเห็นดังนั้น ในใจก็พลันตกตะลึง

เมื่อท่านผู้เฒ่าหวังเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ก็ส่ายหน้าไปมา “ยังมีอะไรให้ต้องประลองอีกหรือ ในเมื่อวิชากลั่นโอสถขององค์ชายสิบหกเหนือกว่าข้าเสียอีก”

“เขาอายุยังน้อย มีระดับวรยุทธ์พอตัว ทว่าความเก่งกาจของวิชากลั่นโอสถ ข้าที่อายุปูนนี้แล้วก็เพิ่งจะเคยได้พบได้เจอ”

เขามีฐานะพิเศษ นิสัยก็ตรงไปตรงมา การพูดการจาจึงไม่ได้มีความหวั่นเกรงสิ่งใดอยู่เลย

เมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกไป จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงต่างก็ตกตะลึง

บนแผ่นดินอาณาจักรถังตะวันออก ผู้ที่สามารถประลองการกลั่นโอสถกับชายชราตรงหน้าคนนี้ได้ ก็มีเพียงแค่ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเท่านั้น

แม้แต่ท่านจิ่นอ๋อง จ้าวซื่อเลี่ยที่เป็นมหาปรมาจารย์ผู้นี้ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับท่านผู้เฒ่าหวังที่อยู่เพียงระดับปรมาจารย์

สีหน้าของจ้าวฮ่าวเรียบเฉย พูดขึ้นว่า “แค่ระดับปรมาจารย์ แต่ระดับการกลั่นโอสถของเจ้าถือว่าไม่เลวเลย”

รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวซื่อเลี่ย “นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้มากความสามารถในด้านการกลั่นโอสถ ปรากฏตัวในถังตะวันออกของเรา ทั้งยังคนรุ่นเยาว์อีกด้วย”

‘ท่านไม่ทราบนี่สิแปลก’ เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาวครั้งหนึ่ง โดยไม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็น ‘หากท่านไม่ทราบ แล้วเหตุใดท่านต้องเสนอความคิดเช่นนี้’

‘ว่าแต่ท่านรู้ได้อย่างไรหรือ’

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนผ่านไปมาระหว่างจ้าวซื่อเลี่ยและจ้าวฮ่าว ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างของท่านผู้เฒ่าหวัง

สีหน้าของจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่าจ้าวฮ่าวกลับยิ้มอย่างยโส “การประลองกลั่นโอสถ เสด็จพี่ทั้งสองคงจะไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นก็ประลองวรยุทธ์เถิด”

เยี่ยนจ้าวเกอที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด นาทีนี้ก็เปิดปากพูดว่า “อย่างที่ท่านจิ่นอ๋องกล่าวมา เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำลายมิตรภาพแต่อย่างใด”

“ประลองกลั่นโอสถก็แล้วกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี