ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 55

สรุปบท บทที่ 55 จ้าวฮ่าวคนดี: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

บทที่ 55 จ้าวฮ่าวคนดี – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตอนนี้ของ ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายต่างโลกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 55 จ้าวฮ่าวคนดี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จ้าวเฉิงแทงเข็มไปเก้าครั้งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนจ้าวฮ่าวลงเข็มไปห้าครั้ง โอสถเม็ดกลับระเบิดขึ้น นี่ไม่ใช่เพราะจ้าวฮ่าวเก่งไม่เท่าจ้าวเฉิง กลับกัน เป็นเพราะเหนือกว่าจ้าวเฉิงมากต่างหาก

จ้าวเฉิงไม่รู้วิชานี้เลยสักนิดเดียว ทั้งเก้าเข็มล้วนเป็นการทำที่เปล่าประโยชน์ เพียงแค่สร้างรูเล็กๆ บนโอสถเม็ดก็เท่านั้น

ในขณะที่จ้าวฮ่าวแทงเข็มเข้าไป เขาใช้ลมปราณสั่นสะเทือนโอสถเม็ดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์

ถึงกระนั้นก็น่าเสียดาย แม้ว่าเขาจะเก่งกาจกว่าจ้าวเฉิง ทว่าก็ยังคงไขปริศนาวิชาเข็มทองผ่านโอสถนี้ไม่ได้

จ้าวฮ่าวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ต้องการถอยหลบแต่ก็ไม่ได้โบกมือปัดเป่าฝุ่นละอองออกไป

ส่วนฝุ่นละอองที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าตกลงมาเปรอะเปื้อนทั่วศีรษะและใบหน้าของเขา จนผมกลายเป็นสีขาวโพลน อีกทั้งบนใบหน้ายังถูกขี้เถ้าสีขาวปิดทับไปชั้นหนึ่ง มองไปแล้วช่างน่าขันเป็นที่สุด

จอมยุทธ์ที่อยู่ใต้บัญชาของจ้าวหยวนและจ้าวเฉิง ก็มองไม่เห็นความหยิ่งยโสของเขาก่อนหน้านี้ บัดนี้เห็นเขาประสบกับความโชคร้ายเข้า ก็อดพากันหัวเราะไม่ได้

ใบหน้าจ้าวฮ่าวเต็มไปด้วยฝุ่นเถ้าสีขาว ดวงตาทั้งสองดุจดั่งหมาป่า สายตาจดจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ

สายตาของเขาในขณะนี้ ไม่มีการดูถูกหรือเหยียดหยาม ทว่าเป็นสายตาของการศัตรูด้วยความแค้นแทน

ไม่ใช่ความแค้นที่มีต่อเขากว่างเฉิง ทว่าเป็นความแค้นที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอเพียงคนเดียว

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนนี้อยู่ในสายตา

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเรียบนิ่ง และก็ไม่มองจ้าวฮ่าวเลยสักครั้งเดียว ทว่ายกมือประสานกันให้กับจ้าวซื่อเลี่ย “วันนี้ต้องขอบคุณจิ่นอ๋องที่ให้คำแนะนำ เป็นการประลองที่ดุเดือดจริงๆ”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอทำเหมือนตนเองไม่มีตัวตนอยู่ จ้าวฮ่าวก็พลันหรี่ตาลงเล็กน้อย

บางครั้งการละเลยมองข้ามนั้น หนักหนายิ่งกว่าการดูถูกเหยียดหยามเสียอีก

โดยปกติจ้าวฮ่าวเป็นคนที่เมื่อคนอื่นบ้าคลั่ง เขาก็จะบ้าคลั่งยิ่งกว่า แล้วบัดนี้เขาจะทนรับการละเลยมองข้ามของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไรเล่า

แววตาของเขายิ่งดุดันขึ้น

“น้องสิบหกต้องการจะทดลองใหม่ดูอีกครั้งหรือไม่” จ้าวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ในตอนนี้เองที่ข้างหูของเขามีเสียงดังขึ้น

จ้าวฮ่าวหลับตาลง มือทั้งสองกำหมัดแน่นเงียบๆ เล็บมือจิกเข้าไปกลางฝ่ามือ

เมื่อครู่เพียงแค่ทดสอบไปครั้งหนึ่ง เขาก็รู้ว่าวิชาเข็มทองผ่านโอสถไม่ใช่วิชาที่แค่สังเกตอยู่ข้างๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ง่ายๆ

ต่อให้เขามีระดับความสามารถในการกลั่นโอสถที่อยู่เหนือคนส่วนมากบนโลกใบนี้ แต่ไม่ใช่แค่ทดลองเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถคลำหาทางเจอ

จ้าวหยวนมองดูจ้าวฮ่าวแล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ดูเหมือนน้องสิบหกจะไม่คิดทดลองต่อแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นการประลองครั้งนี้ของพวกเรา ผลจะว่าอย่างไรเล่า?”

ร่างกายของจ้าวฮ่าวเซเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นไม่ได้มองจ้าวหยวนเลยสักนิด สายตาจ้องตรงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ ‘ดักห่านทั้งปี กลับโดนนกกระจอกจิกตาบอด[1]…’

เขาสูดหายใจเข้าลึก เปิดปากพูดว่า “ครั้งนี้เป็นข้าเองที่พ่ายแพ้”

จ้าวฮ่าวมองจ้าวหยวนแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา คร้านจะพูดไร้สาระให้มากความ

เขามีความมั่นใจเต็มร้อย หากจะให้จ้าวหยวนกลั่นโอสถรักษาบาดแผลด้วยตนเองสักเม็ดแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่เปรียบกับเขาเลย แค่ให้เขาถือรองเท้าให้กับโอสถรักษาบาดแผลของจ้าวฮ่าวก็ยังไม่คู่ควรเลย

ทว่าก่อนหน้านี้เขาพลั้งพูดอย่างมั่นใจออกไปว่าสิ่งที่จ้าวหยวนทำได้ ถ้าจ้าวฮ่าวไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็จะถือว่าเขาแพ้

ผลในขณะนี้ก็คือสิ่งที่จ้าวหยวนทำได้ เขากลับทำไม่ได้

ถึงแม้ว่านั่นไม่มีทางเป็นความสามารถที่แท้จริงของคนอ่อนหัดอย่างจ้าวหยวน จะต้องเป็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ปราณจิตราส่งกระแสจิตคอยชี้นำเป็นแน่

จ้าวฮ่าวแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง แล้วจึงกล่าวตรงๆ ว่า “คนที่ถูกข้าสังหารไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีคำให้การที่มีประโยชน์อะไร”

“มีเพียงจุดหนึ่ง การรวมขุมอำนาจของพวกเขามีขอบเขตกว้างนัก ไม่เพียงแค่ถังตะวันออกเท่านั้น และไม่ใช่แค่เพียงเกาะนภาตะวันออกอีกด้วย”

“อย่างน้อย ที่เกาะนภาเหนือก็ยังมีฐานที่มั่นของพวกมันอยู่ แต่สถานการณ์ที่แน่ชัด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอที่ฟังอยู่ด้านข้าง พลางจดจำทุกอย่างเอาไว้ในใจ ทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จ้าวซื่อเลี่ย

เมื่อโบกมือครั้งหนึ่ง กงจักรเพลิงสุริยะก็ถูกเก็บกลับเข้าไปอีกครั้ง รัศมีหายไปเช่นกัน แววตาของจ้าวซื่อเลี่ยเหมือนกับจะดับมืดลงไปเล็กน้อยด้วย

“กลับเมืองหลวงอาณาจักรถังตะวันออกไป คงยังต้องรบกวนจิ่นอ๋องด้วยนะพะยะค่ะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก

จ้าวซื่อเลี่ยมองจ้าวฮ่าว มองจ้าวหยวน แล้วก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “จ้าวเกอมาเยือน ข้าก็ต้องต้อนรับขับสู้แน่นอนอยู่แล้ว”

เขามองไปทางจ้าวหยวน แล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าหลานจะรอบรู้เกี่ยวกับวิชากลั่นโอสถโบราณก่อนวิกฤตการณ์ น่าชื่นชมยิ่ง”

“แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถเปิดเผยให้ใช้อย่างกว้างขวางได้ วิชาเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้โอสถที่ผลิตขึ้นในถังตะวันออกของเรา ได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว”

‘บุญคุณในวันนี้ ต้องตอบแทนเจ้าแน่’

‘อีกเดี๋ยวเสด็จพ่อถามถึงเรื่องวิชาเข็มทองผ่านโอสถ ข้าคงจำเป็นต้องพึ่งความเห็นของเจ้า’

เยี่ยนจ้าวเกอตอบกลับไปว่า ‘ถึงเวลาข้าจะไปคุยกับท่านลุงเอง ฝ่าบาทวางใจได้ ส่วนเรื่องวิชานี้ ภายใต้เงื่อนไขของขอบเขตของผู้ที่รู้เรื่องราวด้วย หอศิลาโอสถสามารถนำไปใช้ได้’

‘ข้าเข้าใจ’ จ้าวหยวนเข้าใจแจ่มแจ้ง ‘วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้เขากว่างเฉิงเสียเปรียบแน่นอน’

เฟิงอวิ๋นเซิงยืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ “เป็นท่านที่ช่วยองค์ชายใหญ่แห่งถังตะวันออกผู้นั้นใช่หรือไม่”

ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอแสดงสีหน้าที่ระมัดระวังยิ่ง “นี่ๆ เงียบไว้”

“เจ้าค่ะๆ เงียบไว้ๆ เงียบที่สุด” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “แต่วิชาลับเช่นนี้ เขากว่างเฉิงของพวกท่านไม่เก็บเอาไว้หรือ ถึงได้ยอมเผยแพร่ให้กับอาณาจักรตะวันออกเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะเคยได้ยินมาว่าบิดาของท่านกับราชาอาณาจักรถังตะวันออกจะเป็นสหายร่วมทุกข์กันก็เถอะ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองนางแวบหนึ่ง “เจ้าควรพูดว่า ‘เขากว่างเฉิงของพวกเรา’ สิถึงจะถูก”

อันที่จริงเฟิงอวิ๋นเซิงยังไม่ได้เข้าสำนักอย่างเป็นทางการ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแค่รับปากจะช่วยนางเท่านั้น ท่าทีของเขากว่างเฉิงที่มีต่อนางจะเป็นเช่นไร ก็ยังไม่แน่นอน

ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงที่ได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มอย่างสดใส “ท่านพูดถูก เป็นความผิดของข้าเอง ต้องเป็นเขากว่างเฉิงของพวกเรา”

“อืม ลื่นหูขึ้นเยอะ” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะอย่างพอใจ แล้วจึงพูดว่า “วางใจเถิด ก่อนหน้านี้ข้าเคยรายงานวิชาเข็มทองผ่านโอสถให้ท่านพ่อรับทราบแล้ว และทางสำนักเองก็มีพื้นฐานแล้วเช่นกัน”

“ทางด้านถังตะวันออก ต้องขับไล่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขาไร้พรมแดนออกไป จึงต้องลงทุนเสียหน่อยเป็นธรรมดา”

“ถึงจะไม่มีเรื่องวันนี้ ก็ต้องพิจารณาแผนอื่นเอาไว้อยู่แล้ว”

“ดังนั้นข้าถึงได้ยึดตำแหน่งของจ้าวซื่อเลี่ยที่หอศิลาโอสถอย่างไรเล่า”

เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ ข้าก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่ามันจะราบรื่นง่ายดายเช่นนี้”

ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็มองจ้าวฮ่าวแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างไร้ความเป็นมิตร “ช่างเป็นคนดีเสียจริง ขอบใจเจ้ามากนะ”

………………..

[1] ดักห่านทั้งปี กลับโดนนกกระจอกจิกตาบอด หมายถึง เพราะประมาทเกินไปจึงพลาดท่าให้กับเรื่องที่ไม่ควรพลาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี