เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งมาถึงเหนือวังที่อยู่กลางอากาศ แล้วกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าไม่คิดจะยึดครองไว้คนเดียว แต่ทั้งสองท่านก็อย่าคิดจะแย่งชิงกับข้าจะดีกว่า”
“ทั้งสองท่านน่าจะรู้ตัวได้แล้ว ว่าหลังจากข้าเก็บศพมังกร สุสานมังกรยิ่งมายิ่งปั่นป่วน มีความเป็นไปได้ที่จะปิดและพังทลายได้ตลอดเวลา”
“ทุกท่านใช้ความสามารถของตัวเองเถอะ เวลาเหลือไม่มากแล้ว”
หลินซื่อกับหลิวซั่วมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่สวมเกราะเหมันต์ทระนง จากนั้นก็มองวังที่กลืนกินทุกอย่างเหมือนกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งข้างใต้เยี่ยนจ้าวเกอ ทั้งสองต่างพากันถอนใจคำหนึ่ง
ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ดี ฝูงมังกรที่ก้นเหวมีทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนแอ คิดเก็บศพมังกรย่อมต้องหาตัวที่ดีก่อน
ตำแหน่งที่หลินซื่อกับหลิวซั่วยึดครองเมื่อครู่คือใจกลางเหวลึก ซากมังกรที่อยู่ตรงนี้เป็นซากมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสิ้น แต่ว่าตอนนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอยึดเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ
เมื่อเห็นว่าไม่อาจฝ่าการขัดขวางของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และสถานการณ์ในตอนนี้ยังมีเวลามีจำกัดเหมือนที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว ทั้งสองต่างจนปัญญา ได้แต่เก็บศพที่ค่อนข้างอ่อนแอซึ่งเผ่ามังกรทิ้งไว้ให้อยู่ห่างๆ
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย เขาก้มหน้าไปมอง เห็นวังด้านใต้ถูกเติมเต็มด้วยลมปราณของฝูงมังกรจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งมายิ่งจับต้องได้ พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
ซากมังกรจำนวนมากไม่อาจหลอมได้ในเวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่ถูกเก็บและผนึกไว้ก่อน
แต่มีส่วนหนึ่งที่ถูกวังหลอมอย่างต่อเนื่อง
‘เรียกวังนี้ว่าวังฝูงมังกรก่อนแล้วกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย รู้สึกผ่านวังฝูงมังกรได้ว่าลมปราณปริมาณมาก ไหลเข้ามาในร่างของตนผ่านจุดลมปราณกลางฝ่าเท้าไม่หยุด
ลมปราณของซากมังกรน้ำแข็งที่ยังอยู่ในร่างกายเขาถูกกระตุ้นอีกครั้ง
ในระยะเวลามากกว่าครึ่งปีก่อนหน้าที่รอให้ประตูมังกรเปิด เยี่ยนจ้าวเกอแอบฝึกฝนอยู่ที่เขาหงส์วิเศษอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้เมื่อได้รับการกระตุ้น จิตวรยุทธ์ที่ตกตะกอนจนเต็มเปี่ยมหลอมรวมกับลมปราณจนหมดสิ้น
อาคมหลายสายปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ รวมตัวกันกลายเป็นค่ายกลอาคมที่ลี้ลับมากมาย ค่ายกลอาคมทับซ้อนกัน จนสุดท้ายก็ค่อยๆ จับตัวกันกลายเป็นหนึ่งเดียว!
ขณะคนที่อยู่รอบๆ มองเหตุการณ์นี้ ต่างเกิดความรู้สึกชินชาและสั่นสะท้าน
“…แท่นอาคม!” ฟู่เอินซูพึมพำกับตัวเอง “มหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้าย!”
ถึงแม้ว่าจะตกใจเพราะเยี่ยนจ้าวเกอจนชินชาแล้ว แต่ในตอนนี้เมื่อเห็นคนหนุ่มที่สองสามปีก่อนยังเป็นแค่ปรมาจารย์ ในตอนนี้กลับมีพลังฝึกปรือเทียบเคียงกับตัวเอง ฟู่เอินซูยังรู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย
คนในโลกผืนสมุทรเห็นสิ่งที่คล้ายกับเจดีย์และแท่นบวงสรวงกำลังก่อตัว ต่างพูดอะไรไม่ออก
ครู่ต่อมา พวกหลินซื่อจึงค่อยได้สติ ถอนใจเงียบๆ ละวางความคิดสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอ
หนึ่งปีในโลกผืนสมุทร เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนจากมหาปรมาจารย์ขั้นหก ขั้นรูปญาณระยะต้น กลายเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายในวันนี้ จอมยุทธ์บนโลกผืนสมุทรต่างก็ประจักษ์แก่สายตา ความน่าหวาดหวั่นยิ่งไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
ในประวัติศาสตร์ของโลกผืนสมุทร เคยมีคนเช่นนี้ที่ไหนกัน?
มาตรว่าเนื่องจากความปั่นป่วนของการไหลของเวลาในสุสานมังกรเป็นเหตุ เวลาที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่บนโลกผืนสมุทรจึงไม่ใช่แค่หนึ่งปี
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ความเร็วที่น่ากลัวนี้ยังทำให้คนตื่นตระหนกอยู่ดี
เกาเทียนจงกระซิบออกมา “ในสำนักพรรคใหญ่ ผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุด เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะ เป็นปีศาจในปีศาจ หากเลื่อนเป็นปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นเคียงนภาระยะท้ายในตอนที่มีอายุเท่าเขา ก็สามารถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ได้แล้ว!”
ไม่พูดถึงมหาปรมาจารย์อย่างเกาเทียนจงและหลิวซั่ว ต่อให้เป็นราชาวังผลึกวารีหลินซื่อที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ก็ยังจนปัญญา
พวกเขาไม่ใช่คนระดับเดียวกัน
นี่เป็นความคิดเพียงหนึ่งเดียวของหลินซื่อ
ยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์มีความตั้งมั่นแน่วแน่ ไม่ถูกสั่นคลอนโดยง่าย แต่ตอนนี้ในใจของหลินซื่อกลับเกิดความคิดเช่นนี้ อารมณ์ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย ทั้งยังสงบนิ่งเป็นพิเศษ ราวกับยอมรับเรื่องปกติเช่นนี้ ไม่ต่างจากปรากฏการณ์ตะวันขึ้นดวงจันทร์ลาลับ เหมันต์ไปวสันต์มา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี