ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 576

เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการนำฟางจุ่นกับเสื้อคลุมนภาไป สีหน้าของพวกจางคุนและเหอหนิงต่างเกิดการเปลี่ยนแปลง

ต่อให้ไม่นิยมความรุนแรงและมีหัวอนุรักษ์นิยมขนาดไหน ก็ไม่อาจทำตามคำขอนี้ได้ เพราะนี่เท่ากับการวางอาวุธยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข

จางคุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ท่านบังคับกันเกินไปแล้ว…”

บุรุษอาภรณ์ขาวพูดตัดบท “ข้าไม่ได้ปรึกษากับพวกท่าน พวกท่านเพียงยอมก็พอ”

จุดลมปราณทั่วร่างของเขามีเส้นแสงหลายสายสาดออกมา ปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า สั่นสะเทือนให้ค่ายกลนภาสั่นไหวเบาๆ

ผู่เจี๋ยซึ่งเป็นผู้ใช้กระบี่อาภรณ์เขียวไม่ได้ชักกระบี่ เขาเพียงพูดเหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น “ก่อนหน้านี้บอกแล้วว่าพวกข้าไม่คิดสอดมือในเรื่องบนโลกของพวกท่าน และไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสำนักของพวกท่านด้วย”

“แต่กลับกัน การทำลายการสืบทอดสำนักของพวกท่านเป็นเรื่องง่ายเหมือนยกมือ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกท่าน หรือขึ้นอยู่กับว่าพวกเราคิดทำหรือไม่”

ถึงแม้ว่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองที่เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนจะยืนอยู่เฉยๆ แต่กลับทำให้ค่ายกลนภาสั่นสะเทือน เหมือนจะพังทลายลงได้ทุกเวลา

ทว่ายามนี้ทุกคนในเขากว่างเฉิงไม่มีแววยอมแพ้ เผชิญหน้ากับคนสองคนที่อยู่ด้านบนอย่างสงบนิ่ง

จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงกล่าว “พวกเจ้ายังฝากความหวังไว้บนตัวเยี่ยนตี๋ที่ยังอยู่ที่ทะเลตะวันออกอีกหรือ? พวกเจ้าตัดใจเสียเถอะ”

“สถานที่สุดท้ายที่เยี่ยนจ้าวเกอหายไป ก็คือในผนึก ณ ทะเลตะวันออก ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้ที่เขาจะตายมีมากที่สุด แต่พลังของผนึกนั่นไม่อาจทำลายของวิเศษที่เขาเอาไปได้”

“ยอดฝีมือจากโลกเบื้องบนลงมาที่นี่โดยเฉพาะ จะปล่อยปละละเลยทางด้านทะเลตะวันออกได้อย่างไร?”

“ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ท่านหนึ่ง และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามสองท่านลงมายังแปดพิภพด้วยกัน หากเยี่ยนตี๋ยังกล้าโอหัง ก็มีเพียงทางตายสถานเดียวเท่านั้น”

พวกจางคุนได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันซีดขาว

นี่ได้ยืนยันการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในใจของพวกเขาแล้ว ความจริงทำให้คนสิ้นหวังอย่างแท้จริง

อีกฝ่ายไม่มีความจำเป็นต้องโกหก เมื่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อธิบายสถานการณ์ของแปดพิภพอย่างละเอียด คนจากสำนักแสงสว่างลงมาจากโลกซ้อนโลกย่อมมีการเตรียมตัวไว้เสร็จสรรพ

ถึงแม้ว่าพลังของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่จะถูกกดให้อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่นั่นก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามทั่วไปอยู่ดี

ยอดฝีมือเช่นนี้ลงมายังแปดพิภพพร้อมกันสามคน ย่อมสยบใต้หล้าได้อย่างไร้ข้อกังขา

หวงซวี่กวาดสายตามองจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งพูดเมื่อครู่แวบหนึ่ง

อีกฝ่ายเข้าใจว่าไม่ควรบอกรายละเอียดของสถานการณ์ให้เขากว่างเฉิงทราบ

เขากว่างเฉิงไม่รู้ความจริง ในใจยังมีความหวังที่จะขัดขืน ต่อต้านพวกผู่เจี๋ยสองคนที่นี่ หากเป็นเช่นนี้ ก็มีโอกาสบดขยี้เขากว่างเฉิงได้อย่างราบรื่น

ตอนนี้ความหวังสุดท้ายของพวกจางคุนถูกทำลาย อาจจะยอมแพ้เพียงเท่านี้ พวกผู่เจี๋ยจึงไม่จำเป็นต้องลงมือ

“ในโลกทางด้านนี้มีคนที่เพิ่งเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามได้หรือ? ข้ากลับไม่เชื่อ” บุรุษในอาภรณ์สีขาวพูดเรียบๆ “น่าเสียดายอาจารย์อาส่งข้ามาทางนี้ ไม่เช่นนั้นข้าคิดจะไปที่ทะเลตะวันออก”

ผู่เจี๋ยเอ่ย “ได้ยินมาว่าคนที่พวกเราต้องการตามหา ชายหนุ่มที่ชื่อเยี่ยนจ้าวเกอเป็นบุตรชายของเขา พลังเหนือกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน บางทีอาจจะเป็นความจริงก็ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความพิเศษด้านคุณสมบัติร่างกายของพ่อลูกคู่นี้ เป็นเพราะมีโชควาสนาอย่างเต็มเปี่ยม หรือว่าการถ่ายทอดของเขากว่างเฉิงนี้มีความน่าอัศจรรย์?”

บุรุษอาภรณ์ขาวนามหยางจ่านหัวกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เอาคัมภีร์ในห้องเก็บหนังสือของสำนักนี้ไปด้วย ข้าอยากเห็นว่ามีความพิเศษอะไรกันแน่”

พวกจางคุนและเหอหนิงได้ยินดังนั้นต่างสูดลมหายใจลึก ถลึงตามองคนทั้งสอง

หยางจ่านหัวกวาดสายตามองคนในเขากว่างเฉิงอย่างไม่สะทกสะท้าน “ดูเหมือนไม่คิดจะฟังกันดีๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำลายเลยแล้วกัน ไม่ต้องมาเสียเวลาเจรจากันอีก”

ขณะพูด เขายกฝ่ามือขึ้น แสงสว่างเจิดจ้ารวมตัวกันที่ใจกลางฝ่ามือ จากนั้นก็พุ่งลงไปที่บนเขากว่างเฉิง

จางคุนมีสีหน้าขื่นขม “หรือว่ารากฐานของบรรพบุรุษจะต้องขาดลงเพราะพวกเราในวันนี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี