พวกจางเชาที่กำลังหนี ทางหนึ่งถอย ทางหนึ่งพากันลงมือขัดขวางการโจมตีของเยี่ยนตี๋
แต่พวกเขาเหมือนมองข้ามตราประทับตะวันที่น่ากลัวนั้น
ในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่พวกเขาลงมาพลันปรากฏปราณสีดำสายหนึ่ง ปราณสีดำแผ่พุ่งออกมาอย่างไร้สิ้นสุด ครอบคลุมท้องฟ้า บดบังดวงอาทิตย์ในชั่วพริบตา
ฟากฟ้ามืดสลัวลงในชั่วอึดใจ ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ของจริงบนท้องฟ้า หรือว่าแสงสว่างของตราประทับตะวันด้านหลัง ล้วนราวกับถูกกลืนกิน
ไม่ใช่กลางวันและกลางคืนสับเปลี่ยน แสงสว่างกลายเป็นความมืด แต่เป็นแสงอาทิตย์ของดวงอาทิตย์ถูกกัดกร่อน
ดวงอาทิตย์ยังคงอยู่ แต่กลับไม่อาจส่องประกายแสงใดๆ
เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาค่อยๆ หดลง ‘พลังการกัดกร่อน?’
เมื่อมองดูอย่างละเอียด บนฟากฟ้าเหมือนกับมีอัคคีทมิฬสีน้ำเงินลุกไหม้ขึ้น ทำให้เขตแดนระหว่างฟ้าดินรางเลือน กินแสงอาทิตย์เป็นอาหาร ลุกไหม้อย่างไร้สุ้มไร้เสียง
แสงและความมืดตัดสลับ พร้อมกับแลกเปลี่ยนกันและกัน ทว่าความมืดเบื้องหน้านี้กลับเป็นศัตรูของแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว ทั้งตะกละทั้งแข็งกร้าว ทั้งไร้เหตุผลและให้ความรู้สึกชั่วร้าย
แสงสว่างไม่ใช่ความยุติธรรม ความมืดเองก็ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย มันอาจจะเป็นความสงบนิ่งก็ได้ สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนต่างเกิดและเติบโตในความมืด
แต่ว่าเพลิงมารสีดำที่เปล่งประกายสีน้ำเงินและกลืนกินแสงอาทิตย์ตรงหน้านี้ เพียงแสดงให้เห็นถึงความน่าพรั่นพรึงและมหาภัยพิบัติไร้สิ้นสุดเท่านั้น
‘กัดกร่อนและกดข่ม เทียนโก่วกลืนอาทิตย์[1] เป็นดาวตรงข้ามของดวงอาทิตย์ ราหูหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอพลันเข้าใจ ‘มิน่าเล่าถึงได้กล้าลงมาสร้างปัญหา’
พวกเติ้งเซินถูกฆ่าหมัดสิ้น สำนักแสงสว่างบนโลกซ้อนโลกคาดไม่ถึงว่าบนโลกแปดพิภพจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้
ตามข่าวที่ได้จากเมิ่งหวานและถังหย่งฮ่าว โลกแปดพิภพไม่สมควรยอดฝีมือเช่นนี้ถึงจะถูก
สำหรับสำนักแสงสว่าง ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงใช้พลังอันแข็งแกร่งของตราประทับตะวันได้อย่างไร แต่ว่าตราประทับตะวันทำให้พวกเขานึกถึงสาเหตุที่ทำให้ยอดฝีมืออย่างพวกเติ้งเซินเสียชีวิต
นี่ทำให้พวกเขาต้องการตราประทับตะวันมากกว่าเดิม และเกลียดเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงกว่าเดิม
เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด สำนักแสงสว่างจึงลงมายังโลกแปดพิภพอีกครั้ง นอกจากยอดฝีมือที่มีจำนวนมากกว่าแล้ว ยังเตรียมของอย่างอื่นเพื่อตราประทับตะวันเป็นการเฉพาะด้วย
ซึ่งก็คือควันมารแสงทมิฬ พลังแห่งการกลืนอาทิตย์ของพระราหู ดาวขั้วตรงข้ามของพระอาทิตย์
เพลิงมารกระจัดกระจาย กลืนฟ้ากินตะวัน
พลังอันแข็งแกร่งนั้นถึงกับทำให้แสงสว่างของตราประทับตะวันริบหรี่ลง
ในตอนนั้นเอง พวกจางเชารับดาบอันแข็งกร้าวของเยี่ยนตี๋ ถอยร่นอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าจะต้านทานอานุภาพของตราประทับตะวันได้ดั่งหวัง แต่ว่าจิตใจของคนในสำนักแสงสว่างไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ตอนแรกคิดจะใช้พลังแห่งราหูป้องกันการระเบิดของตราประทับตะวันชั่วคราว จากนั้นยอดฝีมือทั้งหกเช่นพวกเขาจะทำลายคนของเขากว่างเฉิงด้วยสภาวะรุนแรงเหมือนสายฟ้านับหมื่น ก่อนจะค่อยๆ เก็บตราประทับตะวัน
พวกเขาเชื่อมั่นว่า ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะใช้ตราประทับตะวันได้ แต่ก็ไม่อาจคงสภาพได้นาน
ตอนนี้ดูเหมือนว่า แผนในตอนแรกใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสำเร็จ แต่เยี่ยนตี๋เลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองอย่างเหนือความคาดหมาย มีพลังพอกวาดล้างสี่ทิศ พวกเขาใช้หกรุมหนึ่งยังทำอะไรไม่ได้
พลังที่ก่อนหน้านี้เตรียมจะใช้รับมือกับตราประทับตะวัน ปัจจุบันได้แต่ปกป้องให้พวกเขาถอยหนีอย่างปลอดภัย
ความแตกต่างระหว่างอุดมคติและความเป็นจริงทำให้พวกจางเชาคับข้องใจ มาด้วยความฮึกเหิม แต่กลับไปด้วยความพ่ายแพ้
อีกด้านหนึ่งของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์บนท้องฟ้ามีเสียงดังมา “เยี่ยนตี๋แห่งเขากว่างเฉิง ข้าจำชื่อนี้ไว้แล้ว เจ้าแข็งแกร่งนัก แกร่งเหนือความคาดหมาย”
“ในบรรดาคนจากโลกอื่นนอกจากโลกซ้อนโลกที่ข้ารู้จัก เจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่น่าเสียดาย เจ้าคือศัตรูของสำนักเรา ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องตาย”
เยี่ยนตี๋หนังตาไม่กระตุกแม้แต่น้อย “คุยโวถึงเพียงนี้ ลงมาเสียเลยสิ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพลังฝึกปรือของเจ้าไม่ได้สูงกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม”
เสียงนั้นพูดอย่างราบเรียบ “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราจะได้เจอกันในเร็ววัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี