เมื่อถูกหนึ่งเต่าและหนึ่งอสรพิษหนีบไว้ตรงหลาง ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดความคิดหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้
‘นี่มันเต่าดำ[1]ชัดๆ…’
เจตจำนงหมัดอันยิ่งใหญ่หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา หนึ่งดุดันหนึ่งอ่อนโยน หนึ่งเชื่องช้าหนึ่งปราดเปรียว พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน
ชายหนุ่มกลอกตา สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ รอบๆ ร่างเกิดกระแสปราณหลายสายทะลักขึ้นมาเหมือนกับเมฆสีเขียวโดยอัตโนมัติ
พลังหมัดที่มาจากทางซ้ายและทางขวากระแทกใส่เมฆสีเขียว ไม่อาจขยับได้ต่อ อีกทั้งยังถูกสะท้อนกลับไป!
เต่ายักษ์ขนาดเท่าเกาะย่อมๆ ที่ลอยอยู่เหนือผิวทะเลทางด้านซ้าย ถูกชนอย่างรุนแรงโดยพลังที่รุนแรงสุดขีด ถึงกับพุ่งลงไปถึงก้นทะเลในทีเดียว
อสรพิษใหญ่โตยาวหลายร้อยหลายพันจั้ง[2] เลื้อยขดอยู่กลางอากาศ ถูกพลังอันอ่อนโยนโจมตีกลับ ควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ ถูกบิดจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง กลายเป็นเชือกป่านพันกันมั่วกลุ่มหนึ่ง
รอบๆ เกิดเสียงอุทานด้วยนความตกใจติดต่อกัน เงาแสงงูวิญญาณและเงาแสงเต่าวิญญาณต่างสลายไป เผยให้เห็นเงาร่างของบุรุษวัยกลางคนสองคน
พวกเขามีสีหน้าระมัดระวัง แต่ก็ถูกคนยับยั้งไว้ทันที
ด้านในกลุ่มคนสองกลุ่มที่แบ่งกันอยู่ด้านซ้ายด้านขวา มีผู้นำแหวกกลุ่มคนออกมา เขามองมายังเยี่ยนจ้าวเกอ
ด้านซ้ายเป็นชายชรา ผมสีดอกเลา หลังค่อม แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าสูงใหญ่เหลือประมาณ
ด้านขวาเป็นสตรีวัยกลางคน สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาลุกวาว สาดประกายเย็นชาออกมาสี่ทิศ ปราดเปรียวคล่องแคล่ว
หลักจากพวกเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้ว ใบหน้าต่างปรากฏความตื่นตระหนกและความกริ่งเกรง
ชายชราหลังค่อมประสานมือ “ไม่คิดว่าจะเป็นเยี่ยนอวิ๋นจง ข้าหลูเฟิงแห่งสำนักคืนวิญญาณขอคารวะ”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เจ้าสำนักหลู สบายดีหรือ”
ชายชราผู้นี้เป็นเจ้าสำนักคืนวิญญาณ หนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะของโลกผืนสมุทร ผู้คนเรียกขานว่าหลูเฟิงผู้ชราอายุยืน ถูกจัดเป็นอันดับหกของจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกแห่งโลกผืนสมุทร
ในอดีตวังผลึกวารี สำนักคืนวิญญาณ และเขาหงส์วิเศษมีความสัมพันธ์ปรองดองกัน ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่เขาหงส์วิเสษชั่วคราวก็เคยเจอหลูเฟิงมาก่อน
เขาหันไปมองสตรีวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง “ข้าไม่เคยพบท่านผู้นี้มาก่อน แต่น่าจะเป็นผู้ปกครองเกาะกวนแห่งเกาะงูเขียวกระมัง?”
ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายเย็นชาดุร้ายในดวงตาของสตรีวัยกลางคนผู้นี้หายไปหลายส่วน หลังจากเงียบงันครู่หนึ่งค่อยพูดขึ้นว่า “ข้ากวนจิ้งเฉียง ดีใจยิ่งที่ได้เจอราชามังกรอวิ๋นจง”
นางเป็นผู้ปกครองเกาะงูเขียว หนึ่งในหกพรรคมาร กวนจิ้งเฉียง ‘ฮูหยินอสรพิษเขียว’ ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ห้าในหมู่จอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกของโลกผืนสมุทร สูงกว่าหลูเฟิง ‘ผู้ชราอายุยืน’
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของกวนจิ้งเฉียงจะอยู่ในวัยกลางคน แต่ความจริงเป็นเพราะวิชารักษาความเยาว์วัย นางกับหลูเฟิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และเป็นมารเฒ่าที่มีชื่อเสียงในโลกผืนสมุทรมาหลายปีแล้ว
ในโลกผืนสมุทร สำนักคืนวิญญาณกับเกาะงูเขียวเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่โด่งดัง ชนิดมีเจ้าไม่มีข้า
เบื้องลึกของความขัดแย้ง เหนือกว่าบุญคุณความแค้นระหว่างเขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิต หรือเขาหงส์วิเศษกับสำนักตาข่ายปีศาจเสียอีก
เหมือนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเมืองทะเลมรกตที่ไม่ขออยู่ร่วมกันดั่งน้ำกับไฟ อีกทั้งยังเหมือนสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดบนโลกซ้อนโลกที่ไม่ตายไม่ยอมเลิกรา
ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมค่อนข้างมั่นคง สำนักที่เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันมากที่สุดในฝ่ายธรรมะและมารบนโลกผืนสมุทรก็คือสำนักคืนวิญญาณและเกาะงูเขียว
ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกันอยู่
คนทั้งสองที่ประมือกันเมื่อครู่ ถูกญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอดีดสะท้อนกลับไป ยามนี้กลับมายังด้านหน้าผู้มีอำนาจในสำนักของแต่ละคนอีกครั้ง พวกเขาคือบุคคลระดับสุดยอดที่สุดในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ
เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่กล้าลงมืออีก ต่างว่าง่ายเหมือนกับนกกระทา
ทว่าเมื่อคนของสำนักคืนวิญญาณเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หลังจากความตกใจแรกสุด ต่างก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ส่วนคนของเกาะงูเขียวกลับหมดอาลัยตายอาก ขวัญกำลังใจตกต่ำ
เยี่ยนจ้าวเกอมองซ้ายมองขวา เหมือนไม่เห็นสีหน้าของทั้งสองฝ่าย ถามเรียบๆ ว่า “รบกวนทุกท่านแล้ว แต่ใครบอกข้าได้บ้างว่า ปัจจุบันสถานการณ์ของโลกผืนสมุทรเป็นอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี