“เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้เลยหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอฟังหลูเฟิงอธิบายสถานการณ์ของโลกผืนสมุทรอย่างออกรส
คนของสำนักคืนวิญญาณและเกาะงูเขียว ในใจต่างประชดประชัน ‘ถูกต้อง เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้…อย่างน้อยก็มีมากกว่าครึ่งที่เป็นเพราะท่าน’
คิดถึงเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้า ความทรงจำที่ค่อยๆ เบาบางลงไปตามกาลเวลา ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของทุกคนอีกครั้ง
ในอดีตตอนที่ยังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ เขาใช้หนึ่งสู้สอง เอาชนะจางฮ่าวเฉิงแห่งวังผลึกวารีและลี่เซิ่งแห่งสำนักสังหารมังกร ซึ่งเป็นสองยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกผืนสมุทรได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
ต่อมาเขาก็เลื่อนระดับขึ้น กลายเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ชายหนุ่มสังหารผู้ปกครองเกาะจิตประสานฟางข่าน ฆ่าเหนียนเชิน ‘ราชามังกรเก้านิ้ว’ แห่งสำนักมังกรโลหิต ช่วงชิงอาวุธศักดิ์สิทธิ์นิ้วมังกรทั้งเก้า จบชีวิตเจ้าสำนักตาข่ายปีศาจเฝิงจิ่งเซิง ‘ปีศาจฟ้า’ ฆ่าปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิง สังหารเจ้าสำนักอัสนีเรืองรองเกิ่งฮุย ‘ราชันสายฟ้าสีชาด’ และเล่นงานเจ้าสำนักสังหารมังกรจ้าวจ้ง ‘ฟันเจ็ดทะเล’ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ยอดฝีมือระดับสูงสุดบนโลกผืนสมุทรถูกคนหนุ่มตรงหน้านี้ฆ่าไปเกือบครึ่ง ทำให้สถานการณ์ที่คงสภาพมาร้อยปีของโลกผืนสมุทรเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเพราะเขา
หลังจากค้นหาสุสานมังกร เยี่ยนจ้าวเกอก็หายตัวไปจากโลกผืนสมุทร
เขาหงส์วิเศษประกาศกับโลกภายนอกว่า เยี่ยนจ้าวเกอเร้นกายอีกครั้ง
หลังจากเวลาผ่านไป ก็มีคนไม่น้อยที่สงสัยว่าเขาหงส์วิเศษจงใจลากธงใหญ่ต่างหนังพยัคฆ์[1] ความจริงมีความเป็นไปได้มากว่าเยี่ยนจ้าวเกอเสียชีวิตในสุสานมังกรไปแล้ว
แต่ว่าวันนี้ ดาวดับแสงดวงนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลันทำให้ทุกคนนึกถึงเรื่องราวในอดีต
แม้จะเป็นจอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณที่คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอเป็นฝ่ายเดียวกัน ในใจยังเกิดความหวาดระแวง ส่วนคนของเกาะงูเขียวต่างรู้สึกหวาดหวั่นสั่นกลัว
เยี่ยนจ้าวเกอมองพวกกวนจิ้งเฉียงที่ทำตัวระมัดระวัง ความคิดในจิตใจเปลี่ยนไปมาเล็กน้อย ทว่าไม่แสดงสีหน้าใด
เขาพยักหน้าให้หลูเฟิง “ขอบคุณเจ้าสำนักหลูที่บอกเรื่องราวทั้งหมดให้ข้าฟัง ตอนนี้ข้าจะมุ่งหน้าไปยังเขาหงส์วิเศษ ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว”
น้ำเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง คนของสำนักคืนวิญญาณกลับตาค้าง
พวกเขานิ่งอึ้งอยู่กับที่ ขณะเห็นเยี่ยนจ้าวเหอหมุนกายจะผละไป หลูเฟิงพลันสะดุ้งโหยง “…ท่านเยี่ยน”
เยี่ยนจ้าวเกอหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “เจ้าสำนักหลูมีเรื่องใด?”
หลูเฟิงอ้าปากตาค้าง เกือบจะสำลัก
หลังจากฝึกฝนวรยุทธ์สำนักคืนวิญญาณถึงระดับหนึ่งแล้ว หลังที่ค่อมของเขาจะมีกระดองเต่างอกขึ้นมา
เขาไม่ได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าตัวเขาแก่ชรา กลับให้ความรู้สึกนิ่งสงบมั่นคงเหมือนเต่าวิญญาณที่สะกดทะเลลึก แรงภายนอกไม่อาจสั่นไหวได้เสียมากกว่า
เพียงแต่เมื่อเผชิญกับเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ หลูเฟิงอดรู้สึกขลาดเขลาไม่ได้จริงๆ
เขายิ้มอย่างขื่นขม มองพวกกวนจิ้งเฉียงที่มีสีหน้างงงันเช่นกันอยู่ตรงกันข้าม “ท่านเยี่ยน ท่านว่า…”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเหมือนไม่มีเรื่องใด “อ้อ พวกท่านต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า เมื่อครู่เป็นข้าโผล่ขึ้นกลางสนามรบของทั้งสองฝ่ายกะทันหัน ข้าไม่สืบสาวเอาความ”
คำพูดของเขาทำให้หลูเฟิงพูดไม่ออก
เขาขบคิดอย่างละเอียด นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในโลกผืนสมุทร แม้จะเป็นแขกของเขาหงส์วิเศษ กอปรกับศิษย์ร่วมสำนักของเขาจนถึงปัจจุบันนี้ยังอยู่ที่เขาหงส์วิเศษ แต่ไม่อาจกำหนดได้ว่าชายหนุ่มเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายมารได้
ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายมารอย่างลิ่นเชียนเฉิง เกิ่งฮุย และเฝิงจิ่งเซิงตายด้วยน้ำมือของเขาอย่างแน่นอน แต่ยามสังหารเหนียนเชิน ฟางข่าน ก่วนหลี เฉินซื่อเฉิงที่อยู่ในฝ่ายธรรมะเขาก็ไม่ออมมือเช่นกัน
นิ้วมังกรทั้งเก้าของสำนักมังกรโลหิต จนถึงบัดนี้ยังคงอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
หลักการของคนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็น ใครตอแยเขา เขาก็จะสู้กับคนผู้นั้น ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายไหน
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อครู่ลูกศิษย์ในสำนักของตนล่วงเกินเขา ทว่าเขาไม่เอาความ เช่นนั้นตนสมควรรู้สึกโชคดีแล้ว
หลูเฟิงพยักนหน้า “ไม่ผิด บรรพบุรุษที่ก่อตั้งสำนักของสำนักเรากับบรรพบุรุษของพวกปีศาจงูเขียว ในอดีตได้แบ่งสันปันส่วน คนทั้งสองขุดค้นมรดกก่อนมหาภัยพิบัติ หลังจากต่อสู้กันครั้งหนึ่ง ก็ได้ไปคนละครึ่ง”
“สำนักเราได้สภาวะเต่าของวรยุทธ์แม้ ส่วนเกาะงูเขียวได้สภาวะงูของวรยุทธ์แท้”
เรื่องนี้ในโลกผืนสมุทรไม่ถือเป็นความลับ หลูเฟิงอธิบายต่อว่า “สำนักเราสืบทอดวรยุทธ์แท้ รักษาความเป็นกลาง ยึดถือความถูกต้อง หลีกเลี่ยงความชั่วร้าย ทำลายเหล่ามาร จึงทนไม่ได้ที่วรยุทธ์แท้ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายมาร ให้พวกเขาใช้ก่อกรรมทำเข็ญ”
“หลายปีมานี้ วิชาอีกส่วนหนึ่งถูกเกาะงูเขียวเปลี่ยนแปลงไปจนเละเทะ ทุกครั้งที่นึกถึง บรรพบุรุษในอดีตต่างเจ็บปวดใจ ข้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”
“พวกเราอยากจะชำระล้างต้นตอ และทดแทนบุณคุณเหล่าบรรพบุรุษก่อนมหาภัยพิบัติ ที่ถ่ายทอดกระบวนท่ามาโดยตลอด”
หลายปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันหลายครั้ง มีบางครั้งที่จับลูกศิษย์อายุน้อยของอีกฝ่ายมาเป็นเชลยได้ แต่ว่ากระบวนท่าอันเป็นแกนหลักและสุดยอดที่สุดไม่เคยสอดคล้องกัน
หลูเฟิงติดอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมมาหลายปี ในใจครุ่นคิดมาตลอดเวลา ถึงแม้วิชาของสำนักตนกับเกาะงูเขียวเมื่อรวมกันแล้วเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของวิชาสายวรยุทธ์แท้ แต่ถ้าหากรวมวิชาของสองสำนักให้กลายเป็นหนึ่งได้ เกรงว่าตนจะเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำพูดของหลูเฟิง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่ยื่นมือออกมาตั้งท่าหมัด
ท่าหมัดที่ว่านี้ เยี่ยนจ้าวเกอเพียงปล่อยและหุบ
แต่ว่าในสายตาของหลูเฟิง มันกลับสั่นสะเทือนสมองของเขาจนวิงเวียน ศีรษะเกือบปักลงไปในทะเล
“ทะ…ท่านเยี่ยน?!” ชายชราพูดไม่เป็นคำ ตาจับจ้องสองมือของเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไพล่สองมือไว้ด้านหลังตามเดิน เดินไปด้านหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
………………………………………
[1] ลากธงใหญ่ต่างหนังพยัคฆ์ หมายถึง หลอกลวงผู้คน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี