ถึงแม้ว่าจะขอบคุณที่เยี่ยนจ้าวเกอนำกระดูกของเหลียงจื้อเชากลับมายังทะเลหวงเจีย และขอบคุณที่ชายหนุ่มช่วยเหลือชีวิตของตนและเว่ยหลาง แต่จางเชียนซงในฐานะผู้สืบทอดสำนักความมืด ต่อให้ตอนนี้จะประสบภัย ในใจก็ยังมีความทะนงตนอยู่
กระนั้นเมื่อได้ยินว่าการหายสาปสูญและการตายของพวกเติ้งเซินมีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอและสำนักที่อยู่เบื้องหลัง จิตใจของจางเชียนซงก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงหรือเป็นแขก การตายของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากขนาดนี้ สำหรับสำนักแสงสว่างที่มีรากฐานใหญ่โต ยังรู้สึกได้ถึงความสูญเสียแสนสาหัส
เปลี่ยนเป็นสำนักความมืด ก็ไม่มีทางไม่ใส่ใจ
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่า ยังมียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเสียชีวิต จางเชียนจงก็ตื่นตระหนก
รวมกันก่อนหลังแล้ว นับเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เกือบๆ แปดคน อีกทั้งยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามห้าคนในจำนวนนี้ ยังมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่อย่างเติ้งเซินหนึ่งคน ความเสียหายเช่นนี้ นับว่ารุนแรงถึงขีดสุดแล้ว
เติ้งเซินเป็นผู้อาวุโสตำหนักแสงนิรันดร์ของสำนักแสงสว่าง ถูกจัดอยู่ในห้าอันดับแรก อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีชื่อมีเสียงบนทะเลหวงเจีย
จางเชียนซงในตอนนี้มองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง อดเกิดความเคารพนับถือไม่ได้
ต่อให้อีกฝ่ายสู้สำนักความมืดของตนไม่ได้ แต่ก็ต้องมาจากขุมกำลังที่ไม่อาจดูแคลน หรือแม้กระทั่งแข็งแกร่งกว่าที่ตนคาดคิดไว้
เยี่ยนจ้าวเกอขณะนี้ไม่พูดมากความ เพียงยิ้มบางๆ “สำนักข้าไม่ได้อยู่ที่ทะเลหวงเจีย ใต้เท้าไม่น่าจะเคยได้ยิน”
จางเชียนซงเห็นเยี่ยนจ้าวเกอไม่พูด ก็ไม่ได้เค้นถาม แต่ท่าทางยิ่งใหญ่ล้ำลึกของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อาจดูแคลน กลับจริงจังกว่าเดิม
‘ถ้าหากคำพูดของเขาเป็นความจริง เช่นนั้นความแค้นระหว่างเขากับสำนักแสงสว่างก็ลึกล้ำไม่อาจแก้ไขอีกแล้ว บางทีอาจจะกลายเป็นผู้ช่วยของสำนักเรา ถึงแม้ตอนนี้จะต้านโจรเสวียนด้วยกัน แต่สำนักแสงสว่างสุดท้ายก็ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตของสำนักเราอยู่ดี’ จางเชียนซงครุ่นคิดในใจ ‘แต่ก็ต้องระวังว่าอาจจะเป็นแผนหลอกที่สำนักแสงสว่างตั้งใจวางไว้ด้วย’
เยี่ยนจ้าวเกอแม้ไม่พูดถึง จางเชียนซงกลับปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมาด้านนอกโลกซ้อนโลกโดยสัญชาตญาณ
นี่คล้ายคลึงกับความคิดของสำนักแสงสว่างในตอนแรก ซึ่งเป็นความรู้สึกภาคภูมิในในตัวเองของขุมกำลังที่อยู่บนโลกซ้อนโลก
ในความจริง ยอดฝีมือจำนวนมากอย่างพวกเติ้งเซินลงไปยังโลกใบหนึ่งด้านนอกโลกซ้อนโลก โดยพื้นฐานจะก่อให้เกิดสภาวะทำลายล้าง
มีโลกจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่การพัฒนาวรยุทธ์เจริญรุ่งเรือง ถึงแม้จะสู้โลกซ้อนโลกไม่ได้ แต่ก็มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แค่จำนวนคนที่ลอยขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่คนสองคนแล้ว
แต่ว่าข้อแรก โลกเช่นนั้นมีน้อยเกินไป เทียบกับโลกเบื้องล่างที่มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพัน แทบจะสังเกตไม่เห็น
ข้อสอง ต่อให้เป็นโลกเช่นนี้ ก็มีสำนักก่อตั้งอยู่มากมาย จางเชียนซงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีขุมกำลังใดในโลกซ้อนโลกสามารถใช้พลังของตัวเองจัดการยอดฝีมือจำนวนมากอย่างพวกเติ้งเซินได้
ส่วนเรื่องที่นำกระดูกของเหลียงจื้อเชามาจากโลกเบื้องล่าง กลับไม่นับเป็นเรื่องสำคัญ
เหลียงจื้อเชาไปยังโลกเบื้องล่างได้ คนอื่นๆ ในโลกซ้อนโลกย่อมมีความสามารถ ‘ลง’ ไปและกลับมาเช่นกัน
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจไว้อยู่แล้ว
คำพูดแต่ละคำล้วนเป็นความจริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด บางครั้งก็อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ยิ่งกว่าคำโกหกเสียอีก
จางเชียนซงเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตเท่านั้น ในสำนักต่างๆ เช่นเมืองมรกตบนมหาอำนาจแปดพิภพ ยังไม่อยู่ในระดับกลยุทธ์ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ขุมกำลังเช่นสำนักความมืดเลย
สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการคือการผูกมิตรกับจอมยุทธ์สำนักความมืดที่มีระดับสูงยิ่งกว่าผ่านเขา
ยิ่งจางเชียนซงเสริมจินตนาการเกี่ยวกับตนและเขากว่างเฉิงอลังการเท่าไร ยิ่งใช้ประโยชน์แนะนำตัวได้มากเท่านั้น
ส่วนหลังจากเขาทราบความจริงจะเป็นอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่สนใจ คนที่เข้าใจผิดก็คือจางเชียนซง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี