“สี่ลมหายใจ…” เยี่ยนจ้าวเกอวางฝ่ามือไว้บนเข่าสองข้างของตัวเอง กดหัวเข่าเบาๆ “ช่วงแรกมีพัฒนาการเร็วที่สุด อีกไม่นานน่าจะถึงห้าลมหายใจ หรือมากกว่าห้าลมหายใจ”
เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ข้าเตรียมจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว หากผ่านด่านนี้ได้ ทนได้นานขึ้นอีกเท่าหนึ่งน่าจะไม่ใช่ปัญหา”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “อืม นี่จำเป็นต้องคว้าไว้ให้แน่น”
อาหู่เกาศีรษะถามว่า “คุณชาย ไม่รู้ว่าคังจิ่นหยวนนั่นกับอีกคนหนึ่ง จะรอดจากการระเบิดของพลังของค่ายกลหรือไม่?”
ชายหนุ่มยักไหล่ เอ่ยว่า “ไม่แน่ ดูจากความสามารถของเขา บางทีอาจช่วยคนให้หนีรอดได้”
“เด็กน้อยผู้นั้นถึงอย่างไรก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นกลางที่ใช้พลังทั้งหมดได้ นอกจากการใช้ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติแล้ว การป้องกันทำลายได้ยากมาก หากเขาใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นนั้นอยู่ตลอด จำเป็นต้องใช้เวลาสะกดไม่น้อย ข้าคงไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว”
“ช่วยส่งเขาแล้ว จะเป็นหรือตายต้องดูโชคของตัวเขา”
อาหู่ได้ยินก็เกาศีรษะ “ถ้าหากเขาไม่ตาย แล้วพูดถึงเรื่องที่ท่านถามเขาในวันนี้ อีกฝ่ายจะเดาออกหรือไม่ว่าคุณชายท่านกำลังถามความลับเกี่ยวกับแม่นางซือคง?”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “จะเดาออกหรือไม่ ก็ต้องสร้างความลำบากให้ข้าอยู่ดี”
ชายร่างใหญ่แยกเขี้ยว “คุณชาย คังจิ่นหยวนนั่นถึงแม้จะดูเหมือนเด็กบัดซบ อายุจริงสมควรไม่น้อยแล้วกระมัง?”
“อายุไม่น้อยแล้วจริงๆ แต่เทียบกับระดับพลังฝึกปรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูปจิตระยะท้ายแล้ว ยังอายุน้อยยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
“เขามีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ไม่ธรรมดาทีเดียว อีกทั้งยังมีทรัพยากรและของวิเศษจำนวนมากคอยสนับสนุน ระดับจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จุดสำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่กระบวนท่าวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝน”
ชายหนุ่มพูดฉะฉาน “กระบวนท่าวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนมีระดับสูงยิ่ง สูงกว่าวิชาห้าอัคคีของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และวิชาของสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืด หรือแม้แต่กระบวนท่าของหอกระบี่ทะเลเหนือ”
“นอกจากนั้น วิชาที่เขาฝึกฝนยังเกี่ยวพันถึงความอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงด้านเวลา หลังจากฝึกฝนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงในการไหลของกระแสเวลาของตัวเองได้อย่างจำกัด”
ครั้นได้ยินเยี่ยนจ้าวเกออธิบาย อาหู่ก็กะพริบตาปริบๆ “เช่นนั้นถ้าเขาปรับความเร็วในการไหลของเวลาของตัวเอง ทำให้ไม่มีวันแก่เล่า?”
“นั่นต้องไปถึงระดับที่สูงมากจึงจะทำได้ เขายังอยู่อีกไกลนัก” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “แต่ว่าในการฝึกฝน เมื่อเพิ่มความเร็วในการไหลของเวลาของตัวเอง เทียบกับโลกภายนอกแล้ว โลกภายนอกผ่านไปหนึ่งวัน เวลาของเขาอาจผ่านไปแล้วสองหรือสามวัน
“ประสิทธิผลเทียบได้กับการเข้าไปฝึกฝนอยู่ในโลกที่กาลเวลาไหลเร็วกว่าตลอดเวลา”
ส่วนจะเพิ่มความเร็วในการไหลของเวลาอย่างไร การฝึกฝนยังเป็นเรื่องพื้นฐาน
พัฒนาไม่ได้ ก็คือพัฒนาไม่ได้ ย่อมไม่อาจข้ามด่านที่ไม่อาจข้ามได้ตั้งแต่แรกเพราะเวลาเร็วขึ้นอยู่ดี
อายุขัยของตัวเองเกี่ยวข้องกับลักษณะร่างกายของตัวเอง
ถ้าหากอายุขัยไม่เพิ่มขึ้น เพิ่มการไหลของเวลาเพียงอย่างเดียว เท่ากับมุ่งไปสู่ความแก่ชราในกระบวนการใช้ชีวิตของตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
แต่ถ้าหากตัวเองรักษาการพัฒนาการได้ตลอด สำหรับคนที่อยู่ในการไหลของเวลาทั่วไปเช่นโลกด้านนอก คนที่ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจะเลื่อนระดับได้เร็วเป็นพิเศษ เหมือนกับพุ่งทยาน
คัมภีร์นภาต้นกำเนิดสิบม้วน แต่ละม้วนเป็นกระบวนท่าที่มีหนึ่งเดียวในโลก มีประโยชน์อเนกอนันต์
อาหู่เลียนแบบท่าเยี่ยนจ้าวเกอ ลูบคางของตัวเอง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คังจิ่นหยวนนั่นคงมีอายุมากแล้ว แต่ดูจากนิสัยของเขา กลับใกล้เคียงอายุภายนอกมาก”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่สนใจ “ไม่เห็นมีอะไรต้องงุนงง สุภาษิตว่าไว้ ยิ่งแก่ยิ่งฉลาด ยิ่งแก่ยิ่งมีประสบการณ์ กระต่ายแก่ยิ่งจับยาก”
“แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าอายุมากแล้วจะต้องเฉลียวฉลาด จริงๆเมื่อเรื่องที่ได้พบและได้เจอมีมาก ประสบการณ์ของคนก็ยิ่งมาก”
“คนแก่อายุร้อยปีคนหนึ่ง ในชีวิตมีเก้าสิบปีที่หลับไหลไม่แบ่งกลางวันกลางคืนมาโดยตลอด เขาจะฉลาดเหมือนกับคนทั่วไปที่อยู่มาร้อยปี มีประสบการณ์โชกโชน พบเจอประสบการณ์มามากมายหรือ? ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ”
“นอกเสียจากว่าในสิบปีที่เขาตื่นรู้[1] พบเจอแต่อุปสรรค เต็มไปด้วยสีสัน พบเจอเรื่องราวพิลึกพิลั่นหลากหลายชนิด เป็นประสบการณ์ที่คนธรรมดาซึ่งมีอายุสิบปีหรือกระทั่งหนึ่งร้อยปีไม่เคยพบเจอ เช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่เรื่องเช่นนี้มีน้อยยิ่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี