ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 66

จ้าวซื่อเฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอพลางพยักหน้าช้าๆ “แต่ไหนแต่ไรจ้าวเกอก็มีพรสวรรค์โดดเด่นอยู่แล้ว แต่ดูจากตอนนี้ เมื่อก่อนคงยังไม่ได้แสดงความสามารถออกมาทั้งหมดสินะ”

“เจ้าเพิ่งแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาในวันนี้ พูดในอีกมุมหนึ่งคือเก็บลึกแสดงออกน้อย”

เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือคารวะให้กับจ้าวซื่อเฉิง “ท่านลุงกล่าวชมเกินไปแล้วพะยะค่ะ แต่ครั้งนี้ลำบากท่านลุงแล้ว”

ราชาอาณาจักรถังตะวันออกและผู้อาวุโสฉิน ร่วมมือกันขับไล่ทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกข้างอย่างชัดเจนระหว่างเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ถังตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของเกาะนภาตะวันออกแห่งนภาพิภพ ใกล้ชิดกับเขากว่างเฉิงเสมอมา

ทว่าอย่างไรเสียปัจจุบันสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็มีอำนาจมาก พื้นที่ของอาณาจักรถังตะวันออกและอัคคีพิภพที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นชายแดนที่ติดต่อกันโดยตรง

การเปิดศึกอย่างสมบูรณ์ระหว่างสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีสิ่งที่ต้องเป็นห่วงอย่างมาก แต่ถ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะจัดการกับอาณาจักรถังตะวันออก ก็เป็นเรื่องง่ายดายเหมือนการพลิกฝ่ามือ

แม้ว่าเขากว่างเฉิงจะตามคิดบัญชีให้ในภายหลัง ทว่าหากอาณาจักรถังตะวันออกจะต้องรับความเสียหาย นั่นก็คือภัยพิบัติที่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

การสูญเสียทรัพยากรสิ่งของจนถึงกระทั่งผืนแผ่นดิน ล้วนเป็นของนอกกายสามารถทดแทนและหาใหม่ได้ มีเพียงการสิ้นชีพของคนเท่านั้นที่มิอาจหวนคืน

จ้าวซื่อเฉิงส่ายหน้าไปมา “การปฏิวัติครั้งนี้ของหอศิลาโอสถ เดิมทีก็ต้องการที่จะทำให้จ้าวซื่อเลี่ยถอยออกไปอยู่แล้ว นั่นหมายความว่าการแสดงจุดยืนที่มีต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว”

“ใจของข้าอยู่ข้างเขากว่างเฉิงมาโดยตลอด สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เพียงแต่ครั้งนี้แค่นำทุกสิ่งมาวางเรียงไว้ตรงหน้าของตนเองก็เท่านั้น”

บุตรชายเพียงคนเดียวของสหายเก่าพบเจอกับภัยคุกคามบนแผ่นดินถังตะวันออก จ้าวซื่อเฉิง ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันผู้นี้ ย่อมไม่ปล่อยผ่านไปเป็นธรรมดา

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องช่วยเหลือเยี่ยนจ้าวเกออย่างถึงที่สุด

ผู้อาวุโสฉินแสดงความเห็นอีกครั้งทันที “ในช่วงเวลาสถานการณ์พิเศษนี้ ข้าจะประจำการณ์อยู่ที่ถังตะวันออก”

“เช่นนั้นก็ต้องลำบากท่านผู้อาวุโสฉินแล้ว” แม้ว่าจะเผชิญกับความกดดันมหาศาลจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทว่าท่าทีของจ้าวซื่อเฉิงก็ยังคงสุขุมเช่นเคย

เขามองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ “ที่ผ่านมาข้าไม่เคยรู้เลย ว่าเจ้าจะมีฝีมือการกลั่นโอสถยอดเยี่ยมขนาดนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ท่านลุงกล่าวเกินไปแล้วพะยะค่ะ ช่วงนี้ข้าได้รับข้อมูลบางอย่างมาไว้ในมือโดยบังเอิญ จึงศึกษาด้วยตนเองก่อน ทั้งนี้ข้อมูลนั้นยังคงไม่เป็นระบบระเบียบ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิจัยอย่างลึกซึ้งต่อไปขอรับ”

จ้าวซื่อเฉิงถอนหายใจ แล้วพูดว่า “วิชาเข็มทองผ่านโอสถก็เหมือนเช่นเตาผลึกหินชั้นใน หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ต่างก็ขาดการสืบทอดไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงชื่อของมันที่หลงเหลือให้ได้ยินเท่านั้น”

“วาสนาของเจ้านี่ดีจริงๆ เลย”

ในขณะที่กล่าวก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเยี่ยนจ้าวเกอสักคำหนึ่ง ทว่าสีหน้าน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งขรึมจริงจัง

เหยียนซวี่และคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจเล็กน้อย “เข็มทองผ่านโอสถอย่างนั้นหรือ?”

ส่วนผู้อาวุโสฉินนั้นได้ข่าวคราวมาจากทางสำนักบ้างแล้วก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้ตกใจมากแต่อย่างใด

เขาในฐานะผู้นำสูงสุดในพื้นที่เกาะนภาตะวันออกนี้ และระยะนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดูแลของเขา มีข่าวคราวก็ต้องรายงานให้กับเขาเป็นธรรมดา

“ก่อนหน้านี้บอกว่ายังอยู่ในช่วงทดลองไม่ใช่หรือ หรือว่าเจ้าควบคุมมันได้แล้วจริงๆ” ใบหน้าของผู้อาวุโสฉินเผยให้เห็นความยินดีเล็กน้อย

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อย “ยังศึกษาอยู่ขอรับ แต่ค่อยๆ ชำนาญการหลอมโอสถที่อยู่ในระดับพื้นฐานขึ้นมาแล้ว”

จ้าวซื่อเฉิงส่ายหน้า “โอสถรักษาแผลพวกนั้นช่างมันก่อน โอสถหมอกควันสลายไม่ใช่โอสถระดับพื้นฐาน นั่นเรียกได้ว่าเป็นโอสถรักษาระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากผู้อาวุโสฉินและจ้าวซื่อเฉิงแล้ว คนอื่นๆ ถึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ใบหน้าเหยียนซวี่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เดิมทีลึกลงไปในดวงตาที่จับจ้องเยี่ยนจ้าวเกออยู่ แฝงความเย็นชาเอาไว้เล็กน้อย

ทว่าบัดนี้ ความเยียบชานั้นได้มลายหายไปจนสิ้น เหลือไว้เพียงความสงบนิ่ง

นี่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องก่อนหน้านี้จะจางหายไปเหมือนเมฆที่ล่องลอยผ่านไป

กลับกัน เหยียนซวี่มองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ไม่ได้เหมือนผู้อาวุโสพินิจมองชนรุ่นหลังอีกต่อไปแล้ว

วินาทีนี้ เขามองว่าเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในระดับเดียวกันกับตนเองเป็นครั้งแรก

ถึงแม้ว่าระดับวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอจะอยู่ห่างไกลจากเขา ทว่าศาสตร์แห่งการหลอมอาวุธ เตาผลึกหินชั้นใน ศิลาลายเมฆเปลี่ยนเป็นแก่นสารหยก วิชาเข็มทองผ่านโอสถ ยังมีพรสวรรค์และความสามารถส่วนตัวในด้านวรยุทธ์ที่มากเกินกว่าปกติ…

เรื่องราวสามารถมีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองได้ แต่จะมีครั้งที่สามหรือสี่ไม่ได้แล้ว

สองครั้งแรกคือความบังเอิญ นับเป็นโชคชะตา ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ความบังเอิญก็จะกลายเป็นความจำเป็น

เหยียนซวี่มองเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ ครั้งหนึ่ง แล้วจึงละสายตากลับไป ราวกับจะไม่สนใจอีก

ทว่าแท้จริงแล้วเขาให้ความสำคัญเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งกว่าเดิม และยังหมายถึงการตัดสินใจที่มั่นคงแน่วแน่มากขึ้นอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี