ค่ายกลที่รุนแรงดุดันอย่างค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ หลังจากทำงานแล้วจะก่อเกิดการทำลายล้างน่าสะพรึง
แม้แต่ตัวค่ายกลเองก็ยังต้องหายไปเพราะสาเหตุนี้ คิดจะใช้อีกครั้งจึงจำเป็นต้องสร้างขึ้นใหม่
การทำลายล้างและการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อลักษณะพิเศษทางภูมิประเทศและการหมุนเวียนปราณวิญญาณรอบๆ ยิ่งไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
น่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงในตอนนี้แทบจะเปลี่ยนสภาพไปโดยสิ้นเชิง
ทว่าในสายตาคนที่ศึกษาค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติอย่างลึกซึ้งเช่นหนงอวี่ซวน กลับยังคงมีร่องรอยให้พอสืบสาวได้
เขามองทุกอย่างเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ จมอยู่ในห้วงความคิด
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว “ไม่อาจอยู่นานเกินไป จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องที่อยู่บนเกาะเฉวียนหลิงแม้ว่าจะก่อให้เกิดข้อผิดพลาดที่ใต้จมูก แต่หากทางเกาะโม๋หลูได้รับข่าว ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องจะยิ่งส่งจอมยุทธ์ระดับสูงกว่ามาตรวจสอบเรื่องราว”
หนงอวี่ซวนโบกมือ ไม่กล่าววาจา
คนอื่นได้แต่อดทนรอคอย
แต่หลังจากเวลาผ่านไป หนงอวี่ซวนยังคงมองก้นทะเลพลางเหม่อลอย ทุกคนได้แต่เร่งเร้าเขา
ตอนที่ความอดทนของทุกคนใกล้จะหมดลง เร่งรัดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายหนงอวี่ซวนก็เอ่ยปากขึ้น “ได้แล้ว พวกเราไป”
ทุกคนต่างถอนใจโล่งอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้น
เหล่าคนในสำนักแสงสว่างถอยไปอย่างรวดเร็ว ออกจากน่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่เดินทาง สายตาของทุกคนล้วนอยู่บนตัวหนงอวี่ซวน
หนงอวี่ซวนสายตาเคร่งขรึม “ถ้าหากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ เยี่ยนจ้าวเกอนั่นน่าจะแทงหินโสโครกที่ก้นทะเลของน่านน้ำทางเหนือรอบๆ เกาะเฉวียนหลิง เพื่อกระตุ้นแกนไฟใยดินที่ฝังอยู่ข้างใต้”
“อีกทั้งยังไม่ใช่วิธีธรรมดา เขาน่าจะทำถึงเก้าครั้งทีเดียว เป็นสภาวะเก้าดาวต่อเนื่อง ทำให้แกนไฟมีเสถียรภาพ จากนั้นก็กระตุ้นให้แกนไฟต่อต้านและปะทุ”
คนในสำนักแสงสว่างมองหน้ากันเอง หนงอวี่ซวนอธิบายต่อ “เนื่องจากค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางไว้ เดิมทีก็ทำให้การหมุนเวียนของปราณวิญญาณและใยดินของที่นี่ปั่นป่วนอยู่แล้ว ดังนั้นเด็กน้อยนั่นจึงทำสำเร็จได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้”
“ไฟใต้พิภพปะทุ อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสร้างไว้บนเกาะเฉวียนหลิงจึงทำงาน”
“ตามปกติแล้ว พลังการปะทุของไฟใต้พิภพขาดปกติไม่อาจกระตุ้นอาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราได้ แต่ว่าสภาวะเก้าดาวต่อเนื่องเหนี่ยวนำใยดินของเกาะเฉวียนหลิงอย่างแยบคาย ก่อให้เกิดผลลัพธ์ใช้เล็กงัดใหญ่”
หนงอวี่ซวนพ่นลมหายใจยาว “อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราพอถูกกระตุ้น อัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่ถูกสั่งสมจนจับตัวกันอยู่กลางอากาศเนื่องจากการคงอยู่ของค่ายกลที่เกาะเฉวียนหลิง จึงถูกดึงลงมาจากฟากฟ้า”
“ไฟใต้พิภพกลายเป็นเสาไฟเก้าต้นพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็กลายเป็นค่ายกลขนาดเล็กในความไร้ร่องรอย เกิดการรวมกลุ่ม ดังนั้นเพลิงสายฟ้าจากท้องฟ้าจึงไม่ได้พุ่งลงมายังเกาะเฉวียนหลิงทั้งหมด แต่ถูกดึงให้มารวมตัวกัน ก่อนจะพุ่งใส่น่านน้ำทางเหนืออย่างแม่นยำ ประสานกับไฟใต้พิภพ สุดท้ายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว”
หนงอวี่ซวนพูดจบก็เม้มปาก “น่าจะเป็นเช่นนี้แน่ นอกจากวิธีนี้ ข้าก็นึกวิธีอื่นไม่ออกแล้ว”
ครั้นพูดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา
จากการศึกษาอยู่เนิ่นนานในสถานที่จริง เขาถึงเข้าใจวิธีการของเยี่ยนจ้าวเกอ โดยมีการพึ่งพาเบาะแสมากมาย แล้วค่อยคำนวณย้อนจนได้ผลลัพธ์ออกมา
ถ้าให้หนงอวี่ซวนมายังเกาะเฉวียนหลิงเองก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะลงมือ แม้จะรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้วางค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติไว้ เขาก็ไม่อาจแก้ไขอยู่ดี
ถึงอย่างไรค่ายกลก็สร้างไว้แล้ว เพียงแต่สะสมพลังไว้ไม่ยอมปล่อยเท่านั้น
เมื่อเห็นทุกอย่างและทำความเข้าใจวิธีการเสร็จ หนงอวี่ซวนก็รำพึงรำพันว่าที่แท้ทำเช่นนี้ได้ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี