เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนที่ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ย่อมคือข้า ส่วนคนแซ่หนงสร้างชื่อจอมปลอม สวมรอยชิงความดีความชอบเท่านั้น”
เยว่เป่าฉีมองเยี่ยนจ้าวเกอ ตกอยู่ในความเงียบงันครู่หนึ่ง
นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงเอ่ยว่า “ถ้าหากเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะพาท่านไปพบผู้อาวุโสชีที่ควบคุมสถานการณ์บนเกาะเทียนอิ้น”
ชายหนุ่มหัวเราะ “จอมยุทธ์จากแต่ละพรรคที่อยู่ที่นี่ หากสะดวกขอให้เชิญมาทำการพิสูจน์ร่วมกัน”
ครั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแน่วแน่ถึงเพียงนี้ เยว่เป่าฉีก็อดมองเขาแวบหนึ่งไม่ได้ นางใคร่ครวญอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสชีจัดการ”
“เอาตามที่ท่านว่า” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใส่ใจนัก
เมื่อร่วมทางกัน มิคาดเพิ่งออกเดินทางได้ไม่ไกลเท่าไร ที่ขอบฟ้าไกลออกไปพลันมีแสงไร้สิ้นสุดสว่างขึ้น ส่องฟ้าดินเป็นสีขาวโพลน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ยิ้ม “เป็นอย่างที่คิดไว้ มารอข้าโดยเฉพาะจริงๆ”
เยว่เป่าฉีรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อย นางรู้ว่าน่าจะเป็นศิษย์ในสำนักสักคนเผยร่องรอย คนของสำนักแสงสว่างจึงรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงเกาะเทียนอิ้นเร็วขนาดนี้
ถึงแม้ว่าศิษย์ในสำนักของตนอาจจะไม่ได้ประสงค์ร้าย ทว่านางก็รู้สึกเสียหน้าอยู่ดี
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีสีหน้าเป็นปกติ เขามองแสงสว่างหลายสายมาถึงเบื้องหน้าตนอย่างรวดเร็ว ครั้นแสงเหล่านั้นหยุดยั้งลงแล้วก็ปรากฏเงาคนหลายสาย
คนที่เป็นผู้นำคือหนงอวี่ซวน
ภายใต้การนำของเขา จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างกลุ่มหนึ่งล้อมวงกันหลวมๆ
หนงอวี่ซวนจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ด้านข้างเขามองไปยังเยว่เป่าฉี เอ่ยว่า “เด็กผู้นี้ล่วงเกินสำนักเราครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังสังหารจอมยุทธ์สำนักเรา ตอนนี้พวกข้าต้องการคิดบัญชีกับเขา เซียนเยว่ได้โปรดอย่าสอดมือ”
เยว่เป่าฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้เขาเป็นแขกของพรรคข้า”
หนงอวี่ซวนกล่าวเสียงราบเรียบ “เสร็จเรื่องแล้วข้าจะไปขอรับโทษจากผู้คุมหอกู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้สำนักท่านอย่าถามไปมากกว่านี้เลย”
สายตาของเยว่เป่าฉีเคร่งขรึมขึ้น แม้อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับปรากฏความตั้งใจที่แน่วแน่ จิตสังหารสั่นสะท้าน ไม่อาจสั่นไหวได้โดยง่าย
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ท่านคิดสังหารข้า เป็นเพราะความแค้นในอดีตของเรากี่ส่วน แล้วเป็นฆ่าปิดปากข้าเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นรู้ว่าท่านชิงความดีควมชอบในการทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของข้ากี่ส่วน?”
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนหนึ่งตวาด “พูดจาเหลวไหล!”
หนงอวี่ซวนมีสีหน้าสงบนิ่ง “นั่นไม่ได้สำคัญ สำคัญคือเจ้ากล้าโผล่หน้าออกมา”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนของจะอยู่ที่ตัวเจ้า เจ้านำมาที่โลกซ้อนโลกด้วยกระมัง ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่กล้าขนาดนี้”
“นี่ประเสริฐจริงๆ” หนงอวี่ซวนแสยะยิ้มบางๆ
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ดูเหมือนท่านไม่จำบทเรียนเสียเลย”
หนงอวี่ซวนเท้าเหยียบอากาศ ก้าวเท้าไปด้านหน้า “เช่นนั้นก็ลองดู”
ครั้งนี้เจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังพุ่งมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
ประกายกระบี่สั่นไหว ปราณกระบี่ที่เหมือนกับคลื่นทะเลม้วนพัดฟ้าดิน
เยว่เป่าฉีเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นชายชราคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นด้านหน้าคนทุกคน
สีหน้าของหนงอวี่ซวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้อาวุโสชี สำนักเราจะจัดการบุญคุณความแค้นส่วนตัว หวังว่าสำนักท่านจะไม่สอดมือ”
ผู้อาวุโสชี ยอดฝีมือหอกระบี่ทะเลเหนือที่คุมสถานการณ์ที่นี่ สายตาตกลงบนตัวเยว่เป่าฉี “เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเยว่เป่าฉีมองพวกหนงอวี่ซวนซึ่งเป็นจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างแวบหนึ่ง ก็ใช้วิธีการส่งกระแสเสียงอธิบายสถานการณ์กับผู้อาวุโสชี
อีกฝ่ายได้ยินเรื่องราวแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังขาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี